การอยู่คนเดียวได้อย่างสุข สงบ ถือเป็นหนึ่งในทักษะชีวิตสำคัญที่เราควรมี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการตายดี

ยิ่งถ้าเป็นคนมีพื้นฐานชีวิตที่ชอบเข้าสังคม คุ้นเคยกับการมีคนอยู่รอบกาย ไม่ว่าเพื่อนคุย เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัว ยิ่งต้องเตรียมให้มาก

เพราะไม่มีใครมั่นใจได้ว่า เราจะตายแบบไหน และเมื่อไหร่

แน่นอนว่าเราสามารถสั่งเสีย บอกสิ่งที่ต้องการยามใกล้วาระสุดท้ายกับคนใกล้ชิดไว้ได้แต่เนิ่นๆ แต่กระนั้นการตายอย่างโดดเดี่ยวก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อยู่ดี

หลวงพ่อรุ่งเรือง (นามสมมติ) ท่านก็เตรียมของท่านไว้ดี ท่านเป็นโรคหัวใจและปฏิเสธการฟอกไต นั่นหมายความว่าท่านจะมรณภาพในเวลาไม่นานนัก ท่านบอกกับหมอกับญาติไว้แล้วตั้งแต่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลว่า ท่านอยากไปอยู่จนสิ้นลมที่สันติภาวัน

แน่นอนที่สุดเมื่อท่านมาอยู่กับเรา หนึ่งในหัวข้อที่ต้องคุยกับท่านคือ บรรยายกาศช่วงท้ายของชีวิตที่ท่านต้องการ ซึ่งท่านยังคงยืนยันว่าอยากตายอย่างสงบๆ ที่นี่

แต่เมื่ออาการท่านทรุดลง เริ่มซึม หลับมากขึ้น ฉันน้อยลง, ท่านกลับบอกเราว่า อยากไปมรณภาพที่วัดที่พี่ชายเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งแถวนั้นมีญาติอยู่หลายคน ท่านอยากให้มีญาติอยู่ใกล้ๆ

แน่นอนว่าเมื่อเป็นความปรารถนาสุดท้าย และวัดนั้นอยู่ไม่ไกลนัก ฝ่ายญาติก็พร้อมที่จะรับท่านไปดูแล เราย่อมยินดีให้ท่านได้รับสิ่งที่ท่านประสงค์

ทางเราได้ให้ข้อมูลกับญาติไปอย่างรัดกุม บอกแนวโน้มของอาการ และสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อท่าน แต่พออาการทรุดหนักลงอีกครั้ง ท่านกลับถูกนำส่งโรงพยาบาล แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่า และจบลงด้วยมรณภาพอย่างเดียวดายในห้องไอซียู

หลวงพี่สมศักดิ์ (นามสมมติ) ก็เช่นกัน ท่านมีภาวะเส้นเลือดสมองตีบ/แตกร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง น้องสาวต้องรับท่านมาดูแลที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสันติภาวันนัก ลูกสาวเป็นฝ่ายติดต่อขอให้เราช่วยดูแลท่าน

เรารับท่านมาโดยหวังว่าจะช่วยบริหารร่างกายสัก ๒-๓ เดือน พอฟื้นตัวก็จะให้กลับไปอยู่ที่วัด

เมื่อมาอยู่จริงๆ ปรากฏว่าท่านมีปัญหาในการสื่อสาร บอกความต้องการของตัวเองได้ แต่เมื่อเราสื่อสารกลับ ท่านเหมือนไม่รู้เรื่อง การช่วยฟื้นฟูร่างกายจึงทำได้ไม่เต็มที่นัก

ที่สำคัญคือท่านพูดอยู่เสมอว่าอยากไปอยู่กับลูก เมื่อลูกมาเยี่ยมท่านจะดูดีมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างชัดเจน แต่แล้วก็กลับสู่ความเหงาเมื่อลูกสาวกลับไป แล้วก็เริ่มวนบ่นว่าอยากอยู่กับลูกอีก

ในที่สุดน้องสาวท่านต้องมารับกลับไปดูแล อย่างน้อยก็คุ้นเคยกัน และยังติดต่อพูดคุยกับลูกสาวได้บ่อยครั้งกว่า (ลูกสาวอยู่ห้องเช่าทำงานในเมือง รับท่านไปดูแลไม่ได้)

แม้การดูแลจะทำอย่างเต็มที่ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคน สิ่งเหล่านี้ใช้ทดแทนความอบอุ่นเมื่อได้อยู่กับคนในครอบครัวไม่ได้

ในเมื่อความตายมีความไม่แน่นอน ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ตามลำพัง รวมทั้งอยู่โดยไม่มีโทรศัพท์ให้ไถ ไม่มีเสียงเพลงที่ชอบ ไม่มีธรรมะให้ฟัง ฯลฯ ควรต้องหาเวลาฝึกซ้อมที่จะอยู่คนเดียวโดยไม่ทุกข์ไว้บ้าง

เพราะหากสิ่งที่เราคิดว่าเตรียมไว้อย่างดีแล้วนั้น ไม่เป็นไปถามแผน อย่างน้อยทักษะนี้ก็ยังพอมาช่วยให้เราวางใจสงบพบการตายดีได้ในที่สุด