พระที่ตั้งใจบวชระยะยาวหรือยังไม่มีกำหนดสึก เมื่อชีวิตพระเริ่มลงตัวมักต้องหากิจพิเศษที่ตนสนใจทำ เพื่อใช้ชีวิตพระให้คุ้มค่าสมกับที่ได้มาบวช หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่อย่างจำเจอันจะดึงชีวิตให้หักเหเข้าหากิเลสเครื่องเศร้าหมอง

กิจกรรมพิเศษที่ว่านี้อาจเป็นงานอดิเรก อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ สะสมพระเครื่อง หรือช่วยกิจส่วนรวมของวัดซึ่งมีทั้งการดูแลซ่อมบำรุง ก่อสร้าง อบรมเยาวชน ฯลฯ ส่วนท่านที่สนใจการศึกษาก็หาเรียนบาลี เรียนอภิธรรม เรียนต่อมหาวิทยาลัย ท่านที่สนใจปฏิบัติก็ออกแสวงหาครูบาอาจารย์ตามสำนักต่างๆ

นอกจากนี้พระมักมีความใฝ่ฝันที่จะมีประสบการณ์ที่ทำได้ยากสักครั้งในฐานะนักบวช ในอดีตอาจเป็นการได้ไปสักการะสังเวชนียสถาน ได้ฝึกกรรมฐานแบบเข้มข้น หรือดั้นด้นธุดงค์ในป่าใหญ่ ซึ่งจะทำได้เฉพาะพระ ถ้าได้ผ่านประสบการณ์เหล่านี้แล้วก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้บวช สามารถคุยให้พระเณรรุ่นหลังเล่าให้โยมฟังได้อย่างไม่เก้อเขิน

ทุกวันนี้เรื่องท้ายทายพระแบบในอดีตเริ่มจืดจาง สังเวชนียสถานทุกคนเดินทางไปได้สะดวก การฝึกกรรมฐานเป็นโยมก็ทำได้ไม่แพ้พระ จะแบกสัมภาระเข้าป่าธุดงค์ก็ผิดกฎหมาย สิ่งที่พระพอทำได้ในยุคนี้คือหาดีกรี ดร. มาประดับชื่อ แต่ก็ไม่น่าภูมิใจนักเพราะเป็นสิ่งที่ฆราวาสทำมาก่อน ทำได้ง่าย และทำได้ดีกว่าฝ่ายพระเสียด้วย

หากถามว่าในยุคสมัยนี้กิจใดที่พอจะนำมาทดแทนสิ่งที่เคยท้าทายพระในอดีตได้บ้าง สำหรับพวกเราที่สันติภาวันอยากบอกว่า การได้มีโอกาสดูแลผู้ป่วยระยะท้าย ได้เห็นความตายอยู่ต่อหน้า เป็นประสบการณ์ที่มีค่าและท้าทายนักบวชอย่างยิ่ง ในเมื่อพระบวชเข้ามาเพื่อศึกษาเรื่องทุกข์และการออกจากทุกข์ หากไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับความตายอันเป็นสุดยอดของความกลัวและความทุกข์แล้ว จะเอ่ยปากกับใครได้ว่าศึกษาเรื่องนี้อย่างถ่องแท้

ช่วงใกล้ตายคือบทสรุปสุดท้ายของทุกชีวิต พระรูปแล้วรูปเล่าที่เราดูแลจนจากไป แม้บางท่านสื่อสารกับเราไม่ได้เลย แต่ท่านก็ยังเป็นครูที่ดีให้เราอยู่เสมอ ท่านทำให้เข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิต เห็นความไม่เที่ยงแท้เอาแน่อะไรไม่ได้กับลาภ ยศ ญาติ มิตร หรือแม้แต่ชีวิตของตน การอุปัฏฐากพระอาพาธยังได้ฝึกตน ได้เห็นกิเลสที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ ชนิดที่ถ้าไม่ได้มาดูแลพระอาพาธเราอาจไม่รู้เลยว่ามีเจ้าตัวร้ายนี้หลบอยู่

การดูแลพระอาพาธแม้จะต่างกันมากกับเดินธุดงค์ แต่ก็เป็นประสบการณ์ตรงที่เล่าให้คนฟังได้ไม่เบื่อ เพราะความตายและภาวะใกล้ตายหลายสิบปีมานี้ถูกซ่อนไว้ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเสียมาก อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลยแม้กระทั่งพระก็ยังยากที่จะมีโอกาสได้เห็นคนที่กำลังสิ้นลม

ประกอบกับขณะนี้เป็นจังหวะที่ประเด็นการตายดี และการดูแลแบบประคับประคองได้รับการพูดถึงมากขึ้นในสังคม ธรรมะและพระก็เป็นสิ่งที่ชาวพุทธเรียกหาให้เข้ามาช่วย หากพระไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยและเผชิญความตาย โอกาสที่จะประยุกต์ธรรมะให้ง่ายไปช่วยญาติโยมได้อย่างเหมาะสมก็คงทำได้ยาก

ตลอดช่วงเวลากว่า ๒ ปี ที่สันติภาวันเราดูแลพระจนมรณภาพไปแล้ว ๙ รูป แม้เรายังไม่พร้อมนักเรื่องสถานที่ แต่เราก็ยินดีที่จะแบ่งปันโอกาส ความรู้ และประสบการณ์อันมีค่านี้ให้แก่พระคุณเจ้าที่สนใจได้มาเรียนรู้ซึมซับประสบการณ์ตรงในการดูแลภิกษุอาพาธด้วยกัน

เราได้เตรียมชุดความรู้ทั้งด้านธรรมะและวิชาการไว้รอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพระคุณเจ้าอย่างเป็นระบบ โดยจัดเป็นหลักสูตร ๑ เดือนเพื่อการนี้ และพร้อมที่จะเปิดรับชุดแรกในเดือนมิถุนายน แล้วตามด้วยรุ่นพิเศษเรียนรู้ร่วมกันตลอด ๓ เดือนแห่งพรรษากาล โดยเบื้องต้นเรารับพระคุณเจ้าได้รอบละ ๓ รูปเท่านั้น

หากพระคุณเจ้ารูปใดที่ต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ท้าทายชีวิตนักบวช ที่ทั้งเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย เหมาะเจาะกับยุคสมัย ให้คุณค่าต่อการพัฒนาจิต และมีประโยชน์ต่อคนใกล้ชิดที่เราดูแลไปพร้อมๆ กัน ก็ขอนิมนต์ติดต่อมาหาเราได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ใครจะรู้ว่าประสบการณ์ครั้งนี้ อาจเป็นปัจจัยหนุนให้พระคุณเจ้าได้พบคุณค่าความหมายใหม่ในการดำรงสมณเพศก็เป็นได้