หลวงพ่อเพิ่ม (นามสมมติ) เป็นพระอาพาธรูปล่าสุดที่เรารับเข้ามาดูแลที่สันติภาวัน ท่านถูกส่งมาจากวัดในต่างอำเภอ ด้วยสภาพติดเตียง ร่างกายซีกซ้ายเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ข้อศอก ข้อมือบวม และเจ็บขาซ้ายเมื่อจับเปลี่ยนท่า แต่ท่านยังพอพูดคุยสื่อสารกับเราได้แม้จะไม่เต็มร้อยนัก

ท่านเล่าว่าอยู่ๆ ก็รู้สึกชาเดินไม่ได้มาตั้งแต่กลางพรรษาที่ผ่านมา หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองตีบ ฉันยาแล้วอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น จนพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เมื่อ ๒ สัปดาห์ (ก่อนที่จะถูกส่งมา) เกิดล้มลงตอนจะไปห้องน้ำ แขน-ตะโพกข้างซ้ายถูกกระแทกจนมีอาการปวดบวม จากนั้นก็ขยับร่างกายซีกซ้ายไม่ได้อีกเลย

เมื่อดูจากยาที่ติดตัวมา พบว่าท่านมีปัญหาความดันโลหิตสูงที่ต้องใช้ยาถึง ๓ ตัวควบคุมอาการ รวมทั้งเป็นเบาหวาน และมีไขมันในเลือดสูงด้วย ยาที่เหลือในแต่ละซองก็มากบ้างน้อยบ้างกว่าปริมาณที่ควรมี ทำให้พอทราบว่าท่านไม่ได้รับการใส่ใจดูแลมากนัก

เราได้พาท่านไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการบวมที่แขน เมื่อทราบว่าไม่มีกระถูกหักหรือร้าว ก็ทำให้ดูแลท่านอย่างเบาใจขึ้น รวมทั้งให้แพทย์ตรวจร่างกายเพื่อเริ่มรับยาใหม่อย่างต่อเนื่องจากทางโรงพยาบาลด้วย

เราได้คุยกับพระที่มาพร้อมรถที่นำหลวงพ่อเพิ่มมาส่ง ทราบว่าท่านคือผู้ที่เจ้าอาวาสมอบหมายให้ดูแลหลวงพ่อ ท่านบอกว่าที่วัดมีพระทั้งหมด ๑๑ รูป หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นเจ้าคณะตำบล ตัวท่านเองเพิ่งบวชก่อนเข้าพรรษาที่ผ่านมานี่เอง และถูกมอบหมายให้ดูแลหลวงพ่อเพิ่มอยู่คนเดียว ท่านเปรยว่าเราเป็นพระใหม่พูดอะไรไม่ได้หรอก เจ้าอาวาสสั่งก็ต้องทำตาม

เรามีโอกาสรับรู้โดยบังเอิญถึงความอึดอัดของหลวงพี่รูปนี้ จากคำร่ำลาหลวงพ่อก่อนที่ท่านจะขอตัวกลับวัด ที่ใครได้ยินก็ต้องสะดุดหู …หลวงพ่อเรา “จบกันแค่นี้นะ” ผมทำอะไรผิดไปก็ขอโทษ ขออโหสิกรรมด้วยนะ… พร้อมกับมีสีหน้าโล่งอกเหมือนภาระอันหนักอึ้งกำลังจะหมดไป

เราพยายามขอเบอร์โทรศัพท์ท่านไว้ เผื่อว่าอาจได้ซักถามข้อมูลหลวงพ่อเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการดูแล แต่ท่านก็พยายามบ่ายเบี่ยง แล้วค้นเบอร์โทรศัพท์ของพระเลขา และหลวงพ่อเจ้าอาวาสมาให้กับเราแทน

สถานการณ์นี้นอกจากสะท้อนความรู้สึกของพระผู้ดูแลให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ยังชี้ให้เห็นปัญหาในภาพรวมของการดูแลพระอาพาธในวัดต่างๆ ด้วย เพราะถ้าจัดการไม่เหมาะสม จะทำให้ผู้ดูแลต้องรับภาระหนักตามลำพัง ต้องทนทำเพราะจำเป็น โดยมิได้รู้สึกว่าตนกำลังปฏิบัติธรรม ได้สร้างบุญใหญ่ หรือทำในสิ่งที่มีคุณค่าต่อหมู่สงฆ์เลย ส่งผลให้พระอาพาธเองก็ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอด้วย

พวกเราอยู่ที่นี่มีโอกาสได้รับรู้ถึง ความเหนื่อย ความหนัก ของพระผู้ดูแลมาไม่น้อย ส่วนใหญ่ท่านรู้สึกท้อ น้อยอกน้อยใจที่ต้องรับภาระนี้อยู่คนเดียว ที่ไม่กล้าทิ้งไปก็เพราะสงสารพระที่ป่วย หรือด้วยไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน แม้แต่กรณีของครูบาอาจารย์ที่ดูเหมือนว่ามีศิษย์มากมายอยากใกล้ชิด แต่ก็จะมีบางท่านที่ต้องทำมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะในงานที่น่ารังเกียจอยู่เบื้องหลังที่ไม่มีใครเห็น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดว่า การดูแลพระอาพาธติดเตียงในวัด อาจยุ่งยากเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจ้าอาวาสจัดการเพียงลำพัง อันนำมาซึ่งภาพการปฏิเสธกับโรงพยาบาลว่าวัดไม่สามารถรับพระกลับมาดูแลต่อได้ หรือหากอยู่ที่วัดแล้ว ก็จะตามญาติให้มารับไปดูแลเองที่บ้าน หรืออาจกดดันทำให้ท่านอยู่อย่างลำบากใจ

ส่วนการมอบหมายให้พระใหม่หรือพระรูปใดรูปหนึ่งช่วยดูแล ถือได้ว่าเจ้าอาวาสท่านเมตตามากแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ดี ทำให้มีปัญหาตามมาดังที่ได้ยกขึ้นกล่าวแล้วข้างต้น

การแก้ไขเรื่องนี้มิใช่เร่งสร้างศูนย์ดูแลแบบเดียวกับสันติภาวันเพิ่มขึ้น เพียงแค่คณะสงฆ์ให้ความสำคัญและจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน แล้วสั่งการมอบหมายหน้าที่ให้พระสังฆาธิการ ตั้งแต่ระดังสูงสุดลงมาตามลำดับปฏิบัติ

โดยพระวินัยแล้วการดูแลพระอาพาธถือเป็นภาระร่วมกันของพระทุกรูป พระในวัดควรรับรู้ว่ามีพระรูปใดบ้างที่อาพาธจนต้องดูแลเป็นพิเศษ อุปัชฌาย์อาจารย์มีหน้าที่โดยตรงในการจัดให้มีผู้ดูแลพระอาพาธ ซึ่งควรจัดเป็นทีมอย่างน้อย ๒-๓ คน สลับสับเปลี่ยนหรือช่วยกันทำงาน พร้อมทั้งสนับสนุนทรัพยากร และมีสิทธิพิเศษให้แก่พระผู้ดูแลด้วย ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงตัวอย่างไว้ไม่น้อยในพระวินัยปิฎก

สำหรับวัดขนาดเล็กที่มีพระและทรัพยากรน้อย ควรสร้างเครือข่ายช่วยกันดูแลในระดับตำบล โดยมีเจ้าคณะตำบลเป็นผู้รับผิดชอบ รวมทั้งเชื่อมโยงสู่ระดับอำเภอและจังหวัดในกรณีที่การดูแลมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะท่านมีศักยภาพในการประสานงานกับญาติโยม ชุมชน โรงพยาบาล หรือส่วนราชการอื่นได้มากกว่า

ระบบที่กล่าวถึงนี้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอให้มีงบประมาณหรือมีอาคารพิเศษ เพราะสามารถเริ่มทำได้ทันที ณ กุฏิของพระอาพาธ ในขณะที่ รพ.สต. หรือโรงพยาบาลชุมชน ก็มีเจ้าหน้าที่ด้านนี้พร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ส่วนจะพัฒนาให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้นต่อไปก็สามารถทำได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับช่วงนี้ที่ยังไม่มีการช่วยเหลือตามระบบ หากวัด-สำนักใด ที่มีพระอาพาธติดเตียงและต้องการดูแลท่านให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ทางสันติภาวันก็พร้อมและยินดีปวารณาตัวเข้าช่วยเหลือท่านเต็มที่

โดยสามารถติดต่อสอบถาม/แจ้งข้อมูลมาได้ ทางกล่องข้อความ หรือไลน์ ID: santibhavan