วันนี้เมื่อปีที่แล้ว เราได้รับหลวงพ่อสมบัติ (นามสมมุติ) เข้ามาดูแลที่สันติภาวัน ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีพรรษากาลมากที่สุดที่เราเคยดูแลมา คือ ๔๖ พรรษา
ท่านบวชตั้งแต่ยังหนุ่ม เคยมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย สร้างโบสถ์ วิหารใหญ่โต เป็นเจ้าสำนักอยู่นานจนป่วยหนัก ท่านถูกส่งตัวกลับไปที่โรงพยาบาลบ้านเกิดในจังหวะที่โควิดระบาดพอดี เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นโรงพยาบาลไม่สามารถติดต่อให้วัดเดิมหรือญาตินำกลับไปดูแลต่อได้ มีหลวงพ่อท่านหนึ่งเมตตารับไปอยู่ด้วย จนกระทั่งเป็นโควิดด้วยกันทั้งคู่ ท่านดูแลต่อไม่ไหว
เมื่อหายจากโควิดโรงพยาบาลส่งหลวงพ่อมาที่สันติภาวัน ในสภาพที่ผอมแห้ง ไม่สามารถสื่อสารได้ ตัวงอ ข้อติด ขยับเขยื้อนไม่ได้ มีแผลกดทับที่ก้น มือและเท้าเต็มไปด้วยตุ่มน้ำเหลือง ถูกเจาะคอค่าท่อไว้ดูดเสมหะ และให้อาหารทางสายยางผ่านช่องจมูก
หลวงพ่ออยู่ในสภาพที่บอบบางกว่าพระอาพาธทุกรูปที่เราเคยดูแลมา ช่วงแรกๆ ต้องระวังจนแทบไม่กล้าทำอะไร เพราะเกรงว่าท่านอาจมรณภาพคามือระหว่างที่ให้การดูแล
แต่เมื่อได้ลงมือดูแลไประยะหนึ่ง ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านดูแลง่ายกว่าอีกหลายๆ รูป ฉันง่าย ถ่ายคล่อง ท่านไม่เคยดึงสายอาหาร ปริปากบ่น ชักสีหน้า หรือดุด่าไม่พอใจ (เพราะท่านทำไม่ได้!!!)
พวกเราเองใส่ใจดูแลกันเต็มที่ จนตุ่มน้ำเหลือง และแผลกดทับหายหมด ยืดเหยียดบริหารร่างกายจนคลายมากขึ้น รวมทั้งหาวิธีกระตุ้นให้ท่านไอขับเสมหะออกทางรูที่คอเอง จึงไม่ต้องคาท่อและใช้เครื่องดูดเสมหะให้ท่านต้องทรมานอีกต่อไป
พระผู้ดูแลจะพูดคุยกับท่าน (อยู่ฝ่ายเดียว) ทุกครั้งเมื่อต้องเช็ดตัว เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือให้อาหาร ซึ่งท่านก็ดูผ่อนคลาย ไม่แสดงสีหน้าอาการว่าเจ็บปวดใดๆ อย่างมากก็แค่แลบลิ้นออกมา ลืมตามามองดูพวกเราเท่านั้น
สิ่งเดียวที่เรายังหาคำตอบไม่ได้คือ ท่านจะมีน้ำตาไหลรินที่หางตาอยู่บ่อยครั้งยามป้อนอาหาร ซึ่งเราทราบกันดีว่าการให้อาหารทางสายยาง ไม่ได้ทำผู้ป่วยเจ็บปวดทรมานใดๆ เลย (เว้นแต่ตอนเปลี่ยนใส่สายอาหารใหม่)
พวกเราเคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ถ้าหลวงพ่อสมบัติพูดได้ ท่านจะบอกอะไรกับพวกเรา พระผู้ดูแลส่วนใหญ่เห็นคล้ายๆ กันว่า ถ้าตัวเองอยู่ในสภาพนี้ คงอยากตะโกนว่า “เลิกป้อนซะที แบบนี้เมื่อไหร่ข้าจะตาย (วะ)”
แม้จะมีบางท่านแย้งว่า “ท่านอาจจะเกิดปิติตื้นตันใจที่พระลูกหลานดูแลอย่างดี” แต่ก็ถูกขัดขึ้นทันทีว่า “ทีตอนเช็ดอึ อุ้มสรงน้ำ ยากกว่านี้ ไม่เห็นท่านปิติมีน้ำตาไหลสักหยด???”
แน่นอนว่าการใส่สายอาหาร ได้ช่วยให้ผู้ป่วยจำนวนมากมีชีวิตอยู่ยืนยาวต่อไป แต่หากชีวิตที่ยืนยาวขึ้นนั้น ไม่มีคุณภาพ ไม่มีความสุข และไม่ใช่สิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ การให้อาหารแบบนี้อาจเป็นวิธีทรมานผู้ป่วยอย่างแยบยล
อย่างไรก็ตามเมื่อหลวงพ่อถูกใส่สายอาหารมาแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้พวกเราถอดสายอาหารท่านออก แล้วปล่อยให้ท่านอดน้ำอดอาหารจนสิ้นสม
สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดขณะนี้ก็คือดูแลท่านต่อไปอย่างดีที่สุด แล้วชี้ชวนให้พระอาพาธเตียงอื่นๆ พิจารณาว่า หากต่อไปตัวท่านฉันอาหารไม่ได้ขึ้นมา อยากให้พาส่งโรงพยาบาลใส่สายอาหารแบบหลวงพ่อสมบัติหรือไม่เท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีพระอาพาธรูปใดต้องการอยู่ในสภาพแบบนี้เลย