สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงคือ การมีเวลาปลีกตัวจากการดูแล ให้ชีวิตพ้นจากสภาวะที่กายใจหนักอึ้งบ้าง แม้ว่าการดูแลนั้นทำด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักความกรุณาต่อผู้ป่วยก็ตาม เพราะงานที่หนักร่วมกับอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ

โรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก หรืออุดตัน (Stroke) เป็นโรคที่มีความรุนแรง ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะเสียชีวิต ส่วนหนึ่งอาจฟื้นฟูขึ้นจนช่วยเหลือตัวเองได้ แต่มีไม่น้อยที่พิการต้องมีผู้ดูแลไปตลอดชีวิตด้วยภาระมากน้อยตามสภาพของร่างกาย

ช่วงประมาณ ๑ เดือนที่ผ่านมา สันติภาวันต้องปฏิเสธการรับพระอาพาธเข้ามาดูแลถึง ๓ ราย ทั้งหมดมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง โดยมี ๒ ราย ที่ติดต่อมาจากโรงพยาบาล ซึ่งเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษาแล้ว แต่วัดไม่พร้อมรับไปดูแล และตามหาญาติไม่พบ ส่วนอีก ๑ ราย ติดต่อมาจากโยมผู้หญิงที่กำลังทุกข์เพราะต้องดูแลพระพี่ชายอยู่ที่บ้านตามลำพัง

พระ ๓ รูปดังกล่าว อยู่ในสภาพติดเตียง เป็นอัมพาตซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย คุมการขับถ่ายไม่ได้ กลืนอาหารไม่ได้ มีปัญหาในการสื่อสาร สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ และมีแนวโน้มว่าจะต้องดูแลต่อเนื่องไปหลายปี ปัจจุบันพระอาพาธ ๒ รูป ที่สันติภาวันดูแลก็อยู่ในภาวะเดียวกันนี้ หากรับเพิ่มอีกเราก็อาจไม่มีโอกาสได้ดูแลพระอาพาธในระยะท้ายตามที่ตั้งใจ

พระที่อาพาธด้วยโรคนี้ส่วนใหญ่จะถูกส่งให้ญาติดูแลต่อที่บ้าน ซึ่งนานวันไปแม้ไม่ได้สึกก็คล้ายกับเป็นโยมไปโดยปริยาย ส่วนท่านที่ไม่มีญาติหรือญาติไม่สามารถดูแลได้ อาจตกค้างอยู่ที่โรงพยาบาลระยะหนึ่ง แล้วในที่สุดจะถูกสึกเพื่อส่งต่อไปให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งดูแล

ส่วนท่านที่จะกลับไปพักที่วัดเดิมได้ นอกจากจะต้องช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้ว ยังขึ้นกับความกรุณาของเจ้าอาวาส และบทบาทบารมี คุณความดีที่เคยช่วยวัดมาก่อน รวมทั้งความเมตตาของพระ/โยมในวัด หรือต้องมีญาติอยู่ใกล้วัดที่เข้ามาดูแลเป็นประจำได้

ทุกวันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองปีละประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน กลุ่มพระซึ่งมีสัดส่วนของผู้สูงอายุมาก ทั้งยังมีโรคประจำตัว ชอบสูบบุหรี่ ไม่ได้ออกกำลังกาย น้ำหนักเกินเกณฑ์ และเลือกอาหารที่เหมาะกับโรคฉันได้ยาก ย่อมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น

เราจะให้พระอาพาธเหล่านี้ที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่อย่างไรในอนาคต เป็นเรื่องใหญ่ที่คณะสงฆ์และชาวพุทธต้องเร่งช่วยกันเตรียมทางออกไว้อย่างเป็นระบบและครอบคลุม ที่สันติภาวันเอง แม้ในอนาคตอาจเพิ่มจำนวนเตียงขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยนิดเมื่อคิดถึงจำนวนพระอาพาธจากโรคนี้ทั่วประเทศ ไม่นานมานี้มีภาพหญิงชราถูกนำไปทิ้งไว้ริมคลองปรากฏให้เห็นตามสื่อแล้ว หากเราไม่ทำอะไรในเรื่องนี้เลย ต่อไปอาจมีภาพพระพิการถูกทิ้งให้นอนรอความช่วยเหลือ/รอความตายอยู่ตามที่สาธารณะต่างๆ ก็เป็นได้