วันนี้ครบสองเดือนเต็มที่เราได้รับหลวงพ่อมานิต (นามสมมุติ) มาดูแล ญาติห่างๆ ได้นำท่านมาส่งเนื่องจากไม่สามารถดูแลต่อได้ โยมพี่บุญธรรมซึ่งดูแลมาตลอดครึ่งปี หลังจากเป็นอัมพาตซีกขวาจากเส้นเลือดในสมองตีบ ได้มีอาการอัลไซเมอร์รุนแรงขึ้นจนไม่สามารถรับภาระการดูแลไหว รวมทั้งไม่สามารถติดต่อกับวัดเดิมของท่านได้

หลวงพ่อมานิตจัดเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องดูแลระยะยาว นอกเหนือจากร่างกายซีกขวาที่ไม่มีแรง ควบคุมการขับถ่ายลำบาก และไม่สามารถพูดคุยสื่อสารให้เรารู้เรื่องได้ ภาพรวมสุขภาพของท่านจัดว่ายังดี ตักอาหารฉันเองได้ ยังสนใจดูสารคดี และใช้ร่างกายข้างซ้ายพยุงลุกนั่งช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่ง

ปัญหาใหญ่ของหลวงพ่อคือหมดแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป หลายๆ ครั้งเราจะเห็นท่านใบหน้าเศร้า นั่งคอตก เหม่อลอยแบบไร้จุดหมาย เคยถามหลวงพ่อตรงๆ ว่า “หลวงพ่อกลัวตายมั้ย?” ปรากฎว่าท่านพรั่งพรูถ้อยคำ (ที่เราฟังไม่รู้เรื่อง) ออกมามากมาย พร้อมทั้งทำมือไม้หน้าตาแข็งขันอยู่พักใหญ่ ซึ่งก็ทำให้ตีความได้ไม่ยากนักว่าท่านไม่กลัว หรืออาจจะเลยไปถึงขั้นอยากให้ความตายมาถึงเร็วๆ ด้วย

ประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท่านเริ่มบนว่าเจ็บก้อนเนื้อบริเวณไหปลาร้าด้านขวา (ซึ่งเราสังเกตเห็นตั้งแต่มาแรกๆ แต่ท่านสื่อบอกว่าไม่รู้สึกอะไร) เราก็ใช้วิธีบีบนวดรอบๆ และให้ยาแก้ปวดฉันเป็นครั้งคราว แต่ระยะหลังดูท่านบ่นถี่ขึ้น เราจึงเตรียมการย้ายสิทธิ์บัตรทองของท่านมาที่โรงพยาบาลใกล้ๆ เพื่อนำท่านไปตรวจรักษา

แต่เมื่อถึงวันที่จะไปรักษาจริงๆ ท่านกลับปฏิเสธ ต้องเกลี้ยกล่อมกันนานจนยอมไปโรงพยาบาลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากแพทย์ดูอาการและผลเอ๊กซ์เรย์แล้วได้ขอให้ท่านนอนที่โรงพยาบาลเพื่อจะได้เตรียมตัดชิ้นเนื้อไปตรวจในวันรุ่งขึ้น และนอนพักดูอาการอีก ๑ คืน ก่อนที่จะได้กลับมาที่สันติภาวันเมื่อวานนี้

ช่วงที่ไปรับดูท่านกระตือรือล้นอยากนุ่งห่มจีวรเตรียมกลับเร็วๆ แต่เมื่อมาถึงแล้วท่านกลับดูอ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง แตะที่แผลเบาๆ เพื่อสื่อให้เรารู้ว่าเจ็บ และไม่ยอมฉันอาหาร แม้แต่นม ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหรือนั่งคอตก แม้พยายามพูดให้กำลังใจ ให้ความหวัง แต่คราวนี้ดูท่านไม่ฟัง พึมพำตัดบท ประมาณว่าจะไม่ฉันยาฉันอาหารแล้วอยากให้ตายไปเสียเร็วๆ

วันนี้จึงเป็นวันที่ดูแย่ที่สุด ในรอบ ๒ เดือนที่ท่านมาอยู่กับเรา ท่านอาจพอรู้เป็นเลาๆ ว่าก้อนที่พบนั้น อาจสื่อถือโรคภัยที่รุนแรงกว่านั้น เพราะหมอบอกกับเราว่าผลเอ็กซ์เรย์พบอีกก้อนหนึ่งที่ปอดด้านขวา ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากผลการตรวจชิ้นเนื้อต่อไป

จะอย่างไรเราก็ต้องดูแลกันต่อไป หากท่านเปลี่ยนสถานะจากผู้ป่วยติดเตียงเรื้อรังไปสู่การเป็นผู้ป่วยระยะท้าย เราก็ยิ่งต้องดูแลท่านมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องจิตใจให้มีกำลัง ให้คลายจากความหดหู่ มาดำรงอยู่กับปัจจุบันที่ท่านก็ยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีโอกาสที่จะพัฒนาปัญญาต่อไปได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรารวมทั้งบรรยากาศกันรื่มรมย์ของสถานที่ ก็เป็นเพียงปัจจัยเกื้อหนุนเท่านั้น จิตท่านจะเป็นไปอย่างไร ย่อมอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นสำคัญ ยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำได้อย่างมากก็แค่ทำให้เห็นว่ากายนี้สงบ แต่จิตใจภายในนั้นจะเป็นอย่างไรตัวของท่านเองเท่านั้นที่จะกำหนดความเป็นไป เราทำได้แค่เพียงส่งกำลังใจให้ท่าน ขอพวกเรามาช่วยกันส่งกำลังใจให้หลวงพ่อมานิตกัน…