วันนี้หลวงพี่วิโรจน์ (นามสมมติ) ที่ “walk-in” เข้ามาที่สันติภาวันเมื่อสองเดือนก่อน ได้มาร่ำลาบอกว่าวันนี้จะไปแล้ว
ท่านไม่ได้โกรธเคือง หรือมีอะไรผิดใจกับพวกเราที่นี่หรอก
ท่านเคยบอกกับเรานานแล้วว่าจะไปอยู่วัดอื่น เพราะเกรงใจ เนื่องจากท่านไม่ใช่อาพาธระยะท้าย แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร แผลที่เท้าหลวงพี่ยังไม่หายดีเลย ถ้าเน่าขึ้นมาอีกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ รอให้ดีกว่านี้หน่อยค่อยไป
ท่านก็เฝ้าถามเป็นระยะตอนทำแผล ว่าไปได้หรือยัง, เคยถามท่านว่า จะไปอยู่ที่ไหน ติดต่อทางวัดนั้นหรือยัง ท่านบอกว่ายัง ถ้าเขาไม่รับก็ไปวัดอื่นต่อ
พอดีวัดที่ท่านตั้งใจจะไป อยู่ไม่ไกลกัน แถมเรายังเคยพึ่งพานำศพพระอาพาธไปฌาปนกิจด้วย จึงได้ค้นเบอร์โทรศัพท์ และย้ำให้ท่านติดต่อขออนุญาตหลวงพ่อให้เรียบร้อยก่อนที่จะไป
เมื่อสองวันที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลนัดให้ไปดูแผล พร้อมทั้งชมว่าแผลดีขึ้น ประกอบกับเช้านี้เราจัดเตียงเตรียมพื้นที่รองรับพระอาพาธรูปใหม่ที่จะเข้ามา ท่านเลยถือโอกาสมาบอกลา ว่าจะขอเดินทางเช้านี้เลย
เมื่อมั่นใจว่าท่านได้ติดต่อ และหลวงพ่อที่นั่นยินดีรับแล้ว ตัวท่านก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าดูแลตัวเองได้ และจะไปพบแพทย์ตามนัด เราจึงไม่ได้ทักท้วงขอให้ท่านอยู่ต่อ พร้อมทั้งจัดรถไปส่งท่านถึงที่
การได้พบแล้วจาก เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เพียงแต่หลายๆ ครั้งของการจากไป เราจะได้พบกันใหม่ในไม่ช้า มีช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าจะได้พบกันอีก หรืออย่างน้อยก็มีหวังว่าจะได้เจอกันในวันหน้า การจากกันจึงไม่ค่อยสำคัญกับเรานัก
แต่สำหรับพระอาพาธที่สันติภาวัน เราจากกันตลอดไป ไม่ได้พบกันอีก
โดยเฉพาะท่านที่จากไปสู่ปรโลก เราอยากให้ท่านไปโดยไม่ต้องมีห่วงใดๆ ไม่ต้องกลับมาขอบใจ หรือใบ้หวยให้เรา
ท่านที่ญาติพี่น้อง หรือทางวัดรับกลับไป ก็อยากให้ท่านได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ต้องหวนมาที่นี่อีก
ส่วนท่านที่ดีขึ้นจนกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ ก็อยากให้ท่านแข็งแรงทำกิจที่อยากทำให้สำเร็จ ได้อยู่ในวัดที่มีระบบดูแลกันจนวันสุดท้ายของชีวิต หากอยากช่วยดูแลพระอาพาธเป็นการตอบแทน ก็ทำได้ในแทบทุกวัดอยู่แล้ว
เรายินดีเป็น “ทางผ่าน” ให้อาพาธก้าวข้ามช่วงที่ลำบากนี้ไปสู่เป้าหมายที่แต่ละท่านต่างเตรียมไว้