“ขอให้ไปที่ชอบๆ”
เป็นคำอวยพรสั่งลาคนตายที่เราใช้กันมากคำหนึ่ง โดยผู้พูดก็มักเดาอยู่ในใจจากลักษณะการตายไว้บ้างแล้วว่าผู้ตายจะได้ไปที่ชอบหรือไม่ ถ้า “ตายโหง” คือมีเรื่องวุ่นวาย ตายด้วยอุบัติเหตุ ถูกฆาตกรรม ประสบภัยธรรมชาติ จะให้เขาได้ไปที่ชอบก็คงยาก
ตามหลักพุทธศาสนา สถานที่หรือสถานการณ์ที่ตายอาจไม่สำคัญนัก หากผู้นั้นฝึกจิตพัฒนาปัญญามาดี แม้ตายในสภาพที่ไม่น่าดู ถูกไฟคลอก โดนทำร้าย ฆ่าตัวตาย สัตว์ร้ายเล่นงาน… เวลาแค่เสี้ยววินาทีก่อนจิตดับก็มากพอ ที่ท่านเหล่านั้นจะสงบจิตมีปัญญาเต็ม พร้อมไปสู่ภพภูมิที่ดีหรือทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้
สำหรับปุถุชนหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการฝึกตนนั้น การตายในบรรยากาศที่สงบสถานการณ์ที่ผ่อนคลาย มีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้จิตได้รับการพัฒนาอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่จะดับไปอย่างมีคุณภาพสู่ที่ชอบของตน
แต่การจะทำให้มีบรรยากาศเช่นนั้นได้ ต้องมีการเตรียมความพร้อมหลายด้าน ทั้งกายใจตนเอง เตรียมคนรอบข้าง และมองหาที่ละวางร่างกายนี้ให้เหมาะ มิฉะนั้นสังคมก็จะนำเราเข้าสู่ระบบที่กำหนดไว้ คือนำส่งโรงพยาบาลให้การดูแลรักษาเรื่อยไปจนกว่าสิ้นจะลมแบบขาดสติ ในที่แปลกตา กับคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน
ยิ่งเป็นพระผู้ศึกษาปฏิบัติมาเพื่อการตายดีด้วยแล้ว สถานที่ที่ไม่เกื้อกูลต่อการพัฒนาจิต มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อพระวินัย ย่อมไม่สมควรใช้เป็นสถานที่ละวางสังขารแน่นอน แต่ด้วยเหตุที่มิได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้ให้ชัด จึงพบว่าพระจำนวนมาก แม้เป็นครูบาอาจารย์ดังๆ ก็ถูกระบบนี้ต้อนไปให้จนมุมในห้องไอซียูในที่สุด
หากไม่มีเงื่อนไขอื่นใดเป็นพิเศษ พระอาพาธส่วนใหญ่ย่อมปรารถนาจะใช้วัดที่ท่านอยู่ กุฏิที่ท่านคุ้นเคย เป็นที่ละสังขารแทบทั้งสิ้น แต่ในทางปฏิบัติพระอาพาธทุกวันนี้ไม่ค่อยได้รับความเอื้อเฟื้อให้กลับไปอยู่ที่วัดนัก ด้วยสาเหตุหลักคือไม่มีผู้ดูแล บ้างถูกผลักไสให้กลับไปบ้าน หรือขอให้อยู่ที่โรงพยาบาลให้นานที่สุด ที่ถูกจับสึกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์ก็ยังมี
สันติภาวันเราตั้งใจเตรียมพื้นที่และระบบการดูแลที่นี่ไว้เพื่อรองรับพระที่สนใจเรื่องการตายดีแต่อาจติดขัดพักอยู่วัดเดิมไม่สะดวก ให้ได้มาใช้สถานที่นี้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเราจะสงเคราะห์พระอาพาธที่ไร้ผู้ดูแลเป็นส่วนใหญ่ บางท่านอาจไม่รู้จัก/ไม่เคยนึกถึงเรื่องการตายดีก็มี กระนั้นเราได้พยายามช่วยทุกรูปให้อยู่สบายและตาย (หรือกลับไป) มีสุขตามศักยภาพของท่าน
เราจึงอยากนิมนต์พระคุณเจ้าที่สนใจเรื่องการตายดี แต่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือรู้จักสันติภาวันเพียงผิวเผิน ให้ลองแวะเวียนเข้ามาทักทาย เยี่ยมชม หรืออาจมาทดลองเรียนรู้อยู่ช่วยงาน ทำความคุ้นเคย เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า สถานที่นี้เหมาะที่จะวางใจใช้พักก่อนออกเดินทางครั้งสำคัญของชีวิตท่านเพียงใด
หากเห็นว่าพื้นที่นี้เหมาะพอที่จะใช้ละวางสังขาร จะมาอยู่เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างสรรค์พื้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น จากเคยเป็นที่ชอบให้กลายเป็นที่ใช่ ้มีบรรยากาศเหมาะกับการพัฒนาชีวิตจิตใจสู่ความสงบสันติ สมกับที่ได้ชื่อว่า “สันติภาวัน” อย่างแท้จริงต่อไป