ในพุทธศาสนา การปล่อยวางได้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ช่วงชีวิตสุดท้ายเป็นไปอย่างสงบ

การฝึกและเตรียมตัวเพื่อปล่อยวางจึงเป็นภารกิจสำคัญของผู้หวังการตายดี ซึ่งต้องจัดการทั้งภารกิจในส่วนที่สัมพันธ์กับผู้อื่น เตรียมแผนเรื่องความเป็นอยู่ดูแลรักษาตัวช่วงก่อนตาย และต้องเพียรฝึกจิตให้ปล่อยวางจนเป็นคุณสมบัติของจิตเอง มิใช่คิดว่าเมื่อจะวางก็สามารถวางได้เลย

เราได้รับการติดต่อจากโยมผู้หญิงท่านหนึ่ง แจ้งว่าอาจารย์สมเกียรติ (นามสมมติ) พระน้องชายซึ่งบวชมาสิบกว่าพรรษาแล้ว ตอนนี้สุขภาพโดยรวมแย่ลงมาก ท่านปฏิเสธชัดเจนกับแพทย์แล้วว่าจะไม่รักษาต่อ อยากขอมาใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอยู่อย่างสงบที่สันติภาวัน

แน่นอนกว่ากรณีที่มีความตั้งใจชัดเจนเช่นนี้ เรายินดีที่จะช่วยดูแลท่านไปจนถึงวาระสุดท้าย เราบอกให้ช่วยเตรียมประวัติการเจ็บป่วยและยาที่จำเป็นจากโรงพยาบาลมาเผื่อไว้ด้วย แต่โยมพี่สาวบอกว่าเมื่อท่านตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใช้ยาไม่รักษา ก็ได้ทิ้งยาและการนัดหมายรักษาไปทั้งหมดแล้ว

แม้แต่ในเรื่องอาหารท่านก็จะไม่รบกวนเรามาก ท่านเตรียมอาหารสำเร็จไว้ชงฉันเพื่อประทังชีวิตให้พออยู่ได้ไว้แล้ว ซึ่งน่าอนุโมทนาในความเด็ดเดี่ยวและการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่วาระสุดท้ายของท่าน

ถึงวันที่นัดหมายโยมพี่สาวท่านมาถึงสันติภาวันก่อน ส่วนท่านเหมาแท็กซี่มาจากวัดโดยมีกระเป๋าเดินทางใหญ่ ๒ ใบ วีลแชร์ใหม่เอี่ยม และถุงหูหิ้วใส่สัมภาระอีกหลายใบ จนเราต้องขอให้ท่านฝากโยมนำกลับไปเสียส่วนมาก เพราะข้างเตียงไม่มีที่ว่างพอจะให้จัดวางสิ่งของได้ทั้งหมด และหลายชิ้นไม่มีความจำเป็นต้องใช้

ท่านเตรียมมารูปภาพที่จะให้ตั้งหน้าศพ และผ้าไตรจีวรอย่างดีที่ไว้บังสุกุลมาด้วย แสดงถึงความรอบคอบของท่านได้ดี แม้แต่หนังสือแสดงเจตนารมณ์ที่จะไม่ขอรับการรักษาแบบยื้อชีวิต ที่เรามักจะพิมพ์แบบฟอร์มมากรอกกันเอง ท่านได้ว่าจ้างสำนักทนายความจัดทำให้อย่างเรียบร้อย

อาจารย์สมเกียรติท่านเป็นคนพูดเพราะ พูดช้า เสียงดังฟังชัด ร่างกายซูบผอม ดูอ่อนแรง เท้าทั้ง ๒ ข้าง บวมน้ำชัดเจน และไอรุนแรงเป็นระยะโดยเฉพาะช่วงกลางคืน

แม้จะเหนื่อยง่ายแต่ท่านก็พยายามทำกิจวัตรทั้งหลายด้วยตนเอง ช่วงเช้าจะเดินไปพิจารณาอาหาร/ผลไม้ไว้ฉัน เราเพียงเตรียมน้ำร้อนใส่กระติกให้ท่านเท่านั้น ไม่ต้องวุ่นวายกับการฉันหรือการดูแลสุขภาพท่านเลย

ท่านเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตนเอง ใครที่เข้าไปพูดคุยด้วย ท่านมักเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง โดยเฉพาะในส่วนของการศึกษาพระอภิธรรมที่ท่านสามารถสอบผ่านทุกปีจนจบชั้นสูงสุดโดยไม่สอบซ้ำเลย

ภารกิจสุดท้ายที่ท่านหวัง คือการเขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งซึ่งได้ทำสำเร็จแล้วก่อนมาสันติภาวัน ท่านว่าถ้ามีบุญอยู่ได้ถึงเดือนธันวาคมที่หนังสือจะพิมพ์เสร็จ ก็จะขอนำไปแจก ถือว่าได้ปิดภารกิจสุดท้ายอย่างสมบูรณ์ แต่อยู่ไม่ถึงก็ไม่เป็นไรได้เตรียมการไว้แล้ว

กล่าวได้ว่าท่านวางแผนชีวิต ตระเตรียมกิจในส่วนที่ต้องสัมพันธ์กับผู้อื่น และความเป็นอยู่ของตัวเองไว้อย่างเรียบร้อยลงตัว ส่วนการเตรียมใจท่านบอกกับเราว่า จะใช้กรรมฐานกำหนดดูใจดูเวทนาไปจนกว่าจะถึงเวลา ซึ่งดูท่านก็มีหลักปฏิบัติที่ชัดเจนของท่านดีแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ท่ามกลางสิ่งที่ดูเหมือนท่านเตรียมพร้อมไว้อย่างดี เรากลับพบว่ามีความตึงเครียดติดขัดในหลายจุด

ด้วยความที่ท่านเป็นคนที่มีวินัย ตรงเวลามาก ชนิดที่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้เป็นช่วงๆ เพื่อทำกิจได้ตามกำหนด เมื่อเราจะช่วยเหลือทำอะไรให้ ท่านจะระบุชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร น้ำร้อนที่จะใส่กระติกให้ท่านต้องร้อนจัด ตำแหน่งการวางหมอน ทับชายมุ้ง ต้องเป็นไปตามที่ท่านกำหนด ไม่ต้องพูดถึงอาหารที่ท่านเลือกมาเอง ถึงเวลาท่านจะเลือกฉันเพียงส่วนประกอบบางอย่างในอาหารเท่านั้น

เราพบว่าการที่ท่านไม่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลปฏิเสธยาทั้งหมดที่แพทย์จ่ายนั้น มิใช่เพียงเพราะท่านพอแล้วกับชีวิตนี้ แต่มีผลมากจากทัศนะและประสบการณ์ที่ไม่ดีจากยา/การรักษา ท่านจึงได้สรรหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำนวนมากมาฉันทดแทน โดยใช้เวลาไม่น้อยไปกับเรื่องนี้

การเป็นคนมีวินัยและมั่นใจในตัวเองสูงมีส่วนมากที่ทำให้ท่านตัดสินใจชัดเจน และจัดการภารกิจต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน แต่ก็มีส่วนทำให้ท่านยึดติดบางเรื่องอย่างเหนียวแน่นโดยไม่รู้ตัว และยากที่ใครจะแนะนำเช่นกัน

การปล่อยวางในพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่อาศัยแต่ระเบียบวินัย (ศีล) และการข่มใจให้นิ่ง (สมาธิ) เท่านั้น ส่วนสำคัญต้องมีปัญญาที่เห็นชัดในความจริงของสิ่งต่างๆ ว่าไม่น่ายึดถือ และยึดไว้ไม่ได้ เป็นการปล่อยเพราะไม่เห็นค่า วางเพราะเห็นภาระ จึงจะปล่อยวางได้แบบไม่เหลือเยื่อใย หากยังต้องอยู่กับสิ่งนั้น ก็จะอยู่อย่างระวัง ตั้งใจใช้ให้เกิดประโยชน์

การปล่อยเพราะคิดว่าดีหรือมีคนบอก มักเป็นการปล่อยโดยไม่เต็มใจ ไม่มั่นใจ เหมือนว่าปล่อยแต่ไม่ยอมวาง คือปล่อยอย่างหนึ่งแล้วไปคว้าอีกอย่างหนึ่งมายึดไว้แทน ซึ่งอาจแน่นแฟ้นกว่าเดิมด้วย เช่น ไปยึดมั่นในความไม่ยึดมั่น จนเกรี้ยวโกรธหงุดหงิดกับคนที่ยึดหรือคิดผิดไปจากตน

เราจึงไม่ควรประมาทกับการปล่อยวาง มองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ไว้ถึงเวลาค่อยปล่อยวาง เพราะถ้าไม่ศึกษาให้ชัด ปฏิบัติให้เห็นจริง โอกาสพลาดมีมาก โดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายที่ร่างกายกระสับกระส่าย การปล่อยวางจะยากยิ่งขึ้น

ช่วงนี้เรายังไม่ได้คุยอะไรกับอาจารย์สมเกียรติมากนัก ได้แต่ดูแลกันไป รอเวลาให้ท่านผ่อนคลาย เชื่อใจเรามากกว่านี้ รออินทรีย์ของท่านอ่อนแรงลงกว่านี้สักหน่อย เราหวังว่าถึงเวลานั้น ท่านเปิดใจให้ผ่อนคลายมากขึ้น