การดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงหรืออยู่ในระยะท้าย เป็นงานที่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ แม้ว่าความรักความผูกพันธ์กับผู้ป่วย การมีความรู้ในการดูแล มีระบบดี ที่ให้เกียรติผู้ดูแล มีผู้ช่วย มีเวลาพัก มีสิ่งตอบแทนเหมาะสม จะมีส่วนจูงใจให้คนที่ทำงานนี้มีความสุขขึ้น แต่บุคลิกนิสัยพื้นฐานจิตใจของผู้ดูแลก็ยังมีผลอยู่มาก
พระพุทธองค์ตรัสถึงคุณสมบัติพิเศษของพระที่จะทำหน้าที่พยาบาลภิกษุไข้ไว้ ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พยาบาลไข้ที่ประกอบด้วยองค์ ๕ ควรพยาบาลไข้ คือเป็นผู้สามารถประกอบยา ๑ รู้จักของแสลง และไม่แสลง คือกันของแสลงออก นำของไม่แสลงเข้าไปให้ ๑ มีจิตเมตตาพยาบาลไข้ ไม่เห็นแก่อามิส ๑ เป็นผู้ไม่เกลียดที่จะนำอุจจาระ ปัสสาวะ เขฬะ หรือของที่อาเจียนออกไปเสีย ๑ เป็นผู้สามารถที่จะชี้แจงให้คนไข้ เห็นแจ้ง สมาทานอาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ในกาลทุกเมื่อ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพยาบาลไข้ที่ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรพยาบาลไข้
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ ข้อ ๑๖๖)
คุณสมบัติ ๕ ข้อนี้ มีทั้งส่วนที่ได้จากการเรียนรู้ คือ ความสามารถในการประกอบยา การรู้จักของแสลง/ของที่เหมาะกับผู้ป่วย ส่วนที่ต้องได้รับการฝึกฝนทักษะ คือการพูดคุยให้คนไข้มีจิตเป็นกุศล อาจหาญร่าเริง ส่วนจิตที่เมตตาไม่เห็นแก่ค่าตอบแทน และการไม่รังเกียจสิ่งปฏิกูลผู้ป่วย ถือเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของแต่ละบุคคล
การหาผู้ที่มีใจเมตตามาดูแลผู้ป่วยนับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่การหาพระมาอุปัฏฐากพระอาพาธเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระมีคุณลักษณะบางอย่างแตกต่างจากคนทั่วไป เช่น สังคมพระมีแต่ผู้ชายซึ่งพื้นฐานสนใจในงานประเภทใช้กำลังมากกว่า พระส่วนใหญ่ยังต้องการชีวิตที่อิสระ มีภาระข้อผูกมัดน้อย บ้างก็เคร่งครัดมุ่งปฏิบัติจนไม่อยากใช้เวลากับเรื่องอื่น อีกไม่น้อยก็สนใจเรียนปริยัติ บาลี อภิธรรม หรือเรียนให้ได้ปริญญาสูงๆ ส่วนพระอีกกลุ่มหนึ่งคือคนที่ผิดหวังหมดพลังจากสังคมภายนอก เพียงเข้ามาขอพึ่งพิงศาสนาอยู่ไปวันๆ
การจะสร้างแรงจูงใจโดยให้เงินค่าตอบแทนพระ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ ในขณะที่ระบบและจูงใจอื่นๆ ของคณะสงฆ์ก็ยังไม่มี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากว่า ทำไมการหาพระพยาบาลภิกษุไข้จึงมิใช่เรื่องง่ายเลย
สันติภาวันเปิดดูแลพระอาพาธมา ๓ ปีกว่า มีพระอาสาหมุนเวียนเข้ามาช่วยดูแลทั้งหมด ๑๔ รูป ทุกท่านสมัครใจมา ตามความพร้อม ความสะดวกของท่าน บางรูปมาอยู่ไม่ถึงสัปดาห์ก็ขอตัวกลับ แต่บางรูปก็อยู่เป็นเดือน อยู่ทั้งพรรษา หรือว่าอยู่เป็นปีๆ ก็มี
น่าสนใจว่าท่านเหล่านี้คือใคร ทำไมจึงอาสามาทำงานที่ทำได้ยากนี้ เมื่อทบทวนดูเราพบว่าแทบทุกท่านตัดสินใจมาเพราะรู้สึกศรัทธาประทับใจเมื่อได้รู้ว่ามีสถานที่ดูแลพระอาพาธแบบนี้ อยากมีโอกาสทำหน้าที่ตรงนี้บ้าง บางท่านรู้สึกท้าทายว่าตนเองจะทำได้มั้ย หรืออยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตพระ
มีบางท่านที่มาเพราะอยากได้บุญ ได้รู้มาว่ากิจนี้เป็นบุญใหญ่ดุจได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์ และมีบางส่วนที่มาเพราะอยากปลง อยากเห็นความตาย อยากได้เรียนรู้ชีวิตในระยะท้าย รวมทั้งมีผู้ที่อยากมาคลายความรู้สึกผิดติดค้างใจ เพราะไม่ได้ดูแลบุพการีอย่างเต็มที่ในช่วงท้ายชีวิตของท่าน
เหตุปัจจัยหลากหลายที่นำให้ท่านมาที่สันติภาวันนี้ ย่อมมีผลต่อท่าทีวิถีปฏิบัติของแต่ละท่านเมื่อดูแลพระอาพาธแน่นอน บางรูปแค่ชะเง้อชะแง้แลดูห่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้อยู่ไม่นานก็จะขอตัวกลับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย อย่างน้อยท่านก็ได้เห็นได้เรียนรู้ว่าตนไม่พร้อม-ไม่เหมาะกับงานลักษณะนี้
อย่างไรก็ตามพระอาสาที่มาส่วนใหญ่ท่านจะเต็มที่กับการช่วยงานตามศักยภาพของท่าน บางท่านเราสัมผัสได้ชัดว่าท่านทำงานอย่างมีความสุข เมื่อว่างจากกิจท่านจะรีบแวะเวียนเข้าไปดู ไปพูดคุยกับพระอาพาธ ด้วยสีหน้าที่สดใส ให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มร้อย แค่เดินผ่านห้องที่พระอาพาธนอน ท่านก็ชะเง้อมองว่าข้างในเรียบร้อยดีหรือเปล่า ในขณะที่บางท่านอาจไม่หันมองเลย
อย่าไรก็ตามทุกท่านมาแล้วก็กลับไป เพราะยังมีภาระติดพันอยู่ที่วัด หรือได้มาเรียนรู้ได้ลองทำในสิ่งที่ต้องการแล้ว
นอกเหนือจากงานดูแลพระอาพาธล สันติภาวันเรายังมีโอกาสได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้พระที่สนใจงานลักษณะนี้ได้แวะเวียนมาหาประสบการณ์ มาอาสาทำงานที่ทำได้ยาก หรือแม้แต่มาสร้างสมบุญบารมีใหญ่ อันเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เราทำอย่างภาคภูมิใจ
เพราะบทบาทนี้เปิดโอกาสให้เราได้พบได้รู้จักกับพระดีๆ พระที่มีใจกรุณาต่อพระอาพาธ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายเลย