เมื่อเปิดประเด็นพูดคุยเกี่ยวกับพระอาพาธขาดผู้ดูแล มักมีผู้แสดงทัศนะในทำนองที่ว่า “พระพวกนี้ไม่ปฏิบัติ ไม่ช่วยงานวัด อยู่ไปวันๆ พอเจ็บป่วยแก่ตัวมา จึงไม่มีใครอยากดูแล”
แม้จะเป็นเพียงความเห็นที่ประกอบด้วยอคติจากข่าวแย่ๆ ของพระที่ปรากฏตามสื่อ แต่ก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อยจนคนคล้อยตาม สันติภาวันก็เคยพบพระอาพาธที่ทางวัดเอือมระอาจนต้องส่งมาให้เราดูแล
ขนาดป่วยติดเตียงแล้วบางท่านยังส่งเสียงดัง ไม่ระวังกายวาจา ทำความรำคาญให้พระอาพาธรูปอื่น บ้างก็ไม่รักษาความสะอาด ขากถุยลงพื้นห้องโดยไม่เคอะเขิน เรียกร้องอยากฉัน-อยากมีในสิ่งที่เกินควร เล่นหวย คุยการเมือง โม้เรื่องตนเอง ฯลฯ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องน้ำใจที่จะช่วยให้ภาระผู้ดูแลน้อยลง
แต่เมื่อถอยมามองในภาพรวม นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น พระส่วนใหญ่ยังสนใจสวดมนต์ทำวัตร ฟังธรรม ช่วยเหลือกันตามควร ไม่ได้มีพิษสง หรือน่ารังเกียจ แต่พระเหล่านี้ก็ยังถูกทอดทิ้งไม่มีผู้ดูแลยามอาพาธเช่นกัน
หรือแม้แต่พระดีๆ ที่เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระนักพัฒนาช่วยชุมชนมาตลอด มีความรู้ มีตำแหน่ง เป็นถึงเจ้าคุณ ก็ถูกทอดทิ้งไร้คนดูแล ที่ต้องสึกกลับไปอยู่กับญาติก็มาก
เคยมีศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงแห่งหนึ่งโทรมาปรึกษากับเราว่าอยากส่งพระมาให้ดูแล โดยให้รายละเอียดว่าท่านเป็นพระมหา จบดอกเตอร์ เป็นถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์ สอนอยู่ในสาขาของมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เป็นพระเก่ง ทำงานหลายด้าน สอนพระเณร เป็นที่เคารพรักของพระและศรัทธาญาติโยม
วันหนึ่งท่านเส้นเลือดในสมองแตก ยังบุญที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็อยู่ในสภาพติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ช่วงแรกทั้งศิษย์และคนใกล้ชิดต่างมาช่วยดูแลท่านอย่างดีที่วัด เมื่อเวลาล่วงเลยไป เป็นเดือน เป็นปี ผู้ที่ดูแลก็ลดลงเหินห่างไปตามลำดับ
ในที่สุดถูกส่งไปให้ศูนย์ดูแลฯ โดยศิษย์และญาติโยมลงขันจ่ายค่าบริการ ซึ่งก็เป็นเงินมิใช่น้อยในแต่ละเดือน นานเข้าเริ่มมีการติดค้างค่าบริการ ตอนที่ศูนย์ฯ โทรติดต่อมาหาเรา แจ้งว่าค้างค่าบริการมา ๖ เดือนแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นพระจึงดูแลท่านเรื่อยมาจนรับภาระต่อไม่ไหว
การด่วนสรุปว่า เพราะพระทำตัวไม่ดีจึงไม่มีคนดูแล นอกจากเป็นคำตอบที่ไม่รัดกุมแล้ว ยังมีส่วนทำร้ายพระดีๆ ให้ถูกเหมาว่าเลวไปด้วย และใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้ไม่ต้องเข้าไปร่วมแก้ปัญหา ที่สำคัญทำให้เรื่องนี้ถูกละเลย มองไม่เห็นว่าเป็นปัญหาเชิงระบบ ที่พระแต่ละรูปไม่สามารถแก้ไขโดยลำพังได้
หลวงพ่อแก้ว (นามสมมติ) ที่เราเคยดูแล เมื่อสุขภาพแย่ลง ท่านอุตส่าห์ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส มาฝากชีวิตไว้อีกวัดหนึ่งซึ่งเพื่อนรุ่นน้องเป็นเจ้าอาวาสอยู่ แต่เพื่อนกลับชิงมรณภาพไปเสียก่อน ท่านหมดที่พึ่งจึงต้องอยู่อย่างลำบาก มีเพียง อสม. ที่เข้ามาเยี่ยม และส่งต่อมาให้เราในที่สุด
ระบบที่ไม่สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตบั้นปลาย ส่งผลให้พระหลายรูปตั้งใจเรียนให้สูงๆ สะสมเงินทอง มองหาช่องทาง แล้ววางแผนสึกออกไปสร้างชีวิตที่มั่นคงในฐานะฆราวาสแทน ซึ่งบั่นทอนความเข้มแข็ง-ส่งผลร้ายแก่พระศาสนาโดยรวม แม้ผู้ที่อยากทุ่มเทชีวิตเพื่อพระศาสนา ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงหากรู้ว่าจะต้องอยู่อย่างเดียวดายยามไร้เรี่ยวแรง
พระพุทธองค์ทรงวางระบบให้หมู่สงฆ์ดูแลพระอาพาธไว้แล้วอย่างชัดเจน แม้แต่พระที่นิสัยแย่ๆ ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง แต่ด้วยความซับซ้อนของสังคมปัจจุบัน ระบบที่ว่านั้นจึงถูกละเลย พระที่มีใจกรุณาอุทิศตัวมาดูแลพระป่วย ต่างพากันท้อแท้จิตใจย่ำแย่เพราะไม่มีระบบสนับสนุน
การแก้ปัญหานี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันคิดและทำอย่างเป็นระบบ ไม่หลงกลกิเลสที่ใช้เรื่องไม่ดีของพระบางรูปมาอ้างให้หมางเมินต่องานพระศาสนา พร้อมทั้งต้องเลิกมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นไปตามบุญกรรมที่แต่ละท่านทำมา
ปัญหาพระอาพาธขาดผู้ดูแลเป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนของชาวพุทธ แม้เราทุ่มเทสร้างวัด เจดีย์ วิหารได้วิจิตรโอฬารงามตา แต่ถ้าไม่มีพระใหม่บวชเข้ามา พระเก่าก็รอเวลาสึก เมื่อนั้นความล้ำลึกของคำสอนก็จะถูกตัดตอน ขาดทั้งผู้สอนและผู้ปฏิบัติสืบต่อสาระธรรม
คงเหลือแต่เพียงอาคารที่ไร้จิตวิญญาณ ให้ลูกหลานไว้ถ่ายรูปอวดกันเท่านั้นเอง