สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงคือ การมีเวลาปลีกตัวจากการดูแล ให้ชีวิตพ้นจากสภาวะที่กายใจหนักอึ้งบ้าง แม้ว่าการดูแลนั้นทำด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักความกรุณาต่อผู้ป่วยก็ตาม เพราะงานที่หนักร่วมกับอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ อาจสั่งสมความเครียดความทุกข์ไว้จนเกิดผลร้ายต่อผู้ดูแลแบบไม่รู้ตัว
การดูแลพระอาพาธที่สันติภาวันเราตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน พระที่อุปัฏฐากแต่ละรูปจะช่วยงานตามกำลังและความถนัดของท่าน แต่ละวันเรามีเวลาว่างผ่อนคลายกันในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นจังหวะที่พระอาพาธพักผ่อน และพยายามจบกิจกรรมดูแลทุกขั้นตอนก่อนสองทุ่มครึ่ง เพื่อให้ท่านได้มีเวลาส่วนตัว จำวัดพักผ่อนเต็มที่
แม้วิถีชีวิตพระอาจดูสงบเคร่งขรึม ทำแต่กิจซ้ำๆ ตื่นตั้งแต่เช้ามืด ทำวัตร ปฏิบัติกิจสงฆ์ ออกบิณฑบาต ฯลฯ จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬา คุยเฮฮา กินเล่นหวือหวาก็ไม่ได้ แต่ใช่ว่าพระจะไม่มีโอกาสผ่อนกายคลายใจ ถ้าท่านรู้จักวางใจให้ถูก
ในช่วงทำกิจของสงฆ์ ขณะไหว้พระสวดมนต์ก็เป็นเวลาที่ได้พักกายทำใจให้สงบได้อย่างดี ช่วงบิณฑบาตจัดว่าเป็นเวลาฟื้นฟูกายใจที่สำคัญ ได้เดินออกกำลัง ได้ชื่นชมธรรมชาติระหว่างทาง พบปะทักทายญาติโยมที่รอใส่บาตร สถานที่อันสัปปายะใกล้ชิดธรรมชาติก็มีส่วนช่วยให้จิตใจผ่อนคลายสดชื่นได้มาก
ยิ่งถ้าสนใจปฏิบัติธรรมเราจะพบว่า ขณะดูแลพระอาพาธไม่ว่าจะป้อนข้าว สรงน้ำ หรือแม้แต่เช็ดสิ่งปฏิกูล หากมีสติ ไม่ปล่อยใจปรุงแต่งไปในทางอกุศล ตามอาการหรือพฤติกรรมของพระอาพาธที่มากระทบ กายเราก็ทำกิจดูแลท่านไป จิตใจก็พิจารณาธรรม ไม่ปล่อยให้คิดฟุ้งซ้ำเติมปัญหา อันจะส่งผลให้เหนื่อยล้ามากขึ้น เมื่อไม่ล้าก็ไม่ต้องการเวลาพักมาก
อีกส่วนสำคัญคือ การที่พระอาพาธที่เราดูแลไม่ใช่ญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดที่ผูกพันกันมานาน ซึ่งช่วยให้วางใจได้ง่ายขึ้น เมื่อท่านมีอาการหรือพฤติกรรมไม่เป็นดังหวัง จึงทำให้เครียดและทุกข์น้อยกว่าการที่โยมดูแลคนใกล้ชิดมาก
นอกจากนี้เราเชื่อว่าบุญกุศลคือประสบการณ์ที่ได้ฝึกสติ ปฏิบัติธรรม วางใจเป็นกลางขณะดูแลพระอาพาธอยู่เรื่อยๆ นี้ จะช่วยให้เราวางใจเป็นกลางได้ง่ายขึ้นเมื่อจำเป็นต้องดูแลคนใกล้ชิด หรือแม้แต่เมื่อตัวเองจะต้องกลายเป็นผู้ป่วยระยะท้ายเสียเอง
พระคุณเจ้า หรืออุบาสกท่านใด ที่สนใจรับประสบการณ์อันทรงคุณค่านี้ สันติภาวันยินดีต้อนรับเพื่อร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน