วิมังสาเป็นหลักธรรมสำคัญข้อหนึ่งในอิทธิบาท ๔ เป็นตัวแทนแห่งปัญญาที่ใช้ตรวจตราสิ่งที่ทำ ว่ายังคงมุ่งตรงต่อเป้าหมาย มีข้อยิ่งหย่อน-ดีด้อยอย่างไร เพื่อการก้าวเดินต่อไปอย่างต่อเนื่องไม่หลงทาง

ในโอกาสใกล้สิ้นปี จึงเป็นวาระดีที่สันติภาวันจะได้ทบทวนประสบการณ์ และกำหนดจังหวะการก้าวเดินต่อไป
งานที่ริเริ่มขึ้นใหม่และต้องอาศัยความต่อเนื่องในการทำงานที่ไม่อาจกำหนดวันจบภารกิจได้ ระยะเวลาที่ผ่านมา ๓ ปีของสันติภาวัน ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งการวางรากฐานของการดูแลพระอาพาธเท่านั้น

เราพูดคุยกันตั้งแต่เริ่มวางโครงการว่าจะเร่งดำเนินการรับพระอาพาธเข้ามาดูแลให้เร็วที่สุดก่อน ดังนั้นจุดเริ่มต้นจึงมิใช่การระดมทุนก่อสร้างอาคาร หากแต่เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด มาปรับปรุงพื้นที่และอาคารเก่าที่โยมถวายให้พอเริ่มงานได้ก่อน

ศูนย์สันติภาวัน ที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี จึงเริ่มต้นที่อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ๒ ชั้น อายุกว่า ๔๐ ปี ที่ไม่ค่อยได้ใช้ จนเป็นที่อาศัยหลักของผึ้ง งูเขียว ตุ๊กแก และปลวก เราปรับปรุงส่วนที่จำเป็นเท่าที่พอจะทำได้ก่อน โดยแทนที่คานผุๆ ด้วยเหล็กกล่อง ตีฝ้า ทำห้องน้ำ ทุบผนัง เปลี่ยนหลังคา ทาสีใหม่ และขยายระเบียง

จนได้พื้นที่รองรับพระอาพาธ ๖ รูป ซึ่งอาจดูอึดอัดไปบ้างเพราะเพดานค่อนข้างต่ำ ชั้นบนเรานำจีวรมากั้นพอเป็นที่พักให้พระผู้ดูแล ๕ รูป และมีพื้นที่ทำวัตรร่วมกัน จัดพื้นที่สำหรับขบฉัน รวมทั้งบริเวณใช้สอยที่จำเป็นอื่นๆ เติมแต่งพื้นที่โดยรอบด้วยต้นไม้ให้ร่มรื่น สมเป็นรมณียสถานที่เอื้อต่อการพยาบาลพระอาพาธ

ตลอด ๓ ปีที่ผ่านมา เรารับดูแลพระอาพาธได้พร้อมกันอย่างมากเพียง ๔ รูป ส่วนหนึ่งเพราะความจำกัดของพื้นที่ซึ่งจะแน่นเกินไปหากรับเต็มทุกเตียง และปัญหาที่ใหญ่กว่าคือเรามีพระผู้ดูแลอยู่เพียง ๒-๓ รูปเท่านั้น

จวบจนปัจจุบันเราได้ดูแลพระอาพาธมาทั้งหมด ๑๘ รูป มรณภาพไปแล้ว ๑๑ รูป กำลังดูแลอยู่ ๓ รูป และกลับไปอยู่ที่วัดเดิมของท่านด้วยเหตุผลต่างๆ กันอีก ๔ รูป นอกจากนี้ยังมีที่เราปฏิเสธไม่สามารถรับมาดูแลได้ (ด้วยเหตุผลหลักคือท่านมิใช่พระอาพาธระยะท้ายและยังมีคนดูแลท่านอยู่) อีกนับสิบรูป

จำนวน ๑๘ รูป อาจดูไม่มากนัก แต่สำหรับท่านที่มีประสบการณ์ดูแลญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ในระยะท้ายมาก่อน ย่อมทราบดีว่างานนี้ไม่ง่ายเลย อีกส่วนหนึ่งเราพยายามรับเฉพาะรูปที่ยินดีมาและจำเป็นต้องอยู่กับเราเท่านั้น เพราะตระหนักดีว่า วัดเดิมที่เคยอยู่ กุฏิที่เคยนอน คือที่ที่อาพาธระยะท้ายท่านรู้สึกผ่อนคลายที่สุด

ในช่วงปีที่ ๓ ในการทำงานนี้ เริ่มมีพระ/โยมที่สนใจติดต่อเข้ามาเป็นจิตอาสาช่วยดูแลพระอาพาธเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยจะมีพระผู้ดูแลสลับกันไปมาอยู่ ๔-๕ รูป ทำให้งานอุปัฏฐากคล่องตัวขึ้นมาก บางจังหวะถึงกับติดขัดในเรื่องที่พักไม่สามารถรองรับได้ทั้งหมด

ส่วนญาติโยมผู้ที่สนใจการทำงานของเราก็เพิ่มจำนวนขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะผ่านทางภาพกิจกรรมและบทความในเฟซบุ๊ก ได้ร่วมแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ให้กำลังใจ รวมทั้งสนับสนุนปัจจัยและสิ่งของ ช่วยให้การดูแลพระอาพาธดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด

ด้วยเหตุปัจจัยที่เอื้อต่อการทำงานและความเข้มแข็งของสันติภาวันดังกล่าว ทางมูลนิธิฯ และพระที่ร่วมงานเห็นตรงกันว่า เป็นโอกาสที่ควรเตรียมการสร้างอาคารดูแลพระอาพาธขึ้นใช้ทดแทนอาคารเดิมได้แล้ว เพื่อความมั่นคงถาวร ถูกหลักสุขอนามัย และให้ความสะดวกมากขึ้น ทั้งต่อพระอาพาธ พระผู้อุปัฏฐาก และพระ-โยมที่จะมาเรียนรู้ศึกษาการทำงานในอนาคต

เราได้มีการออกแบบเบื้องต้น และประเมินแนวทางดำเนินการก่อสร้างไว้บ้างแล้ว โดยคาดว่าเมื่อเข้าสู่ปีที่ ๔ ของสันติภาวัน คือปี ๒๕๖๖ นี้ จะลงมือวางรากฐานการก่อสร้างอาคารได้ ตามกำลังการสนับสนุนของผู้มีจิตศรัทธาไปตามลำดับ

ในโอกาสนี้จึงขอประชาสัมพันธ์ ผู้ที่ประสงค์จะร่วมสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเพื่อการดูแลพระอาพาธหลังใหม่ของศูนย์สันติภาวัน สามารถบริจาคเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี “โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์สันติภาวัน มูลนิธิสันติภาวัน” เลขที่ 143-1-64326-6 หรือสแกน QR ตามภาพ ตามกำลังศรัทธา ในเวลาที่เหมาะสม

(หากต้องการส่งสลิปการโอนทำบุญ กรุณาส่งในกล่องข้อความ หรือที่ไลน์ ID: santibhavan)