แม้เราตั้งใจดูแลเฉพาะพระอาพาธระยะท้าย แต่ในทางปฏิบัติหลายครั้ง ที่สันติภาวันรับพระที่ยังมิได้อาพาธอยู่ในระยะท้ายมาดูแลด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหลายท่านไม่ได้อยู่จนมรณภาพ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ท่านก็จะกลับ บางท่านก็ลาเพื่อจาริกต่อ บ้างก็ขอกลับวัดเดิม บางส่วนเราเป็นฝ่ายที่ขอให้กลับก็มี
เหตุที่เราต้องรับพระอาพาธที่ยังไม่ได้อยู่ในระยะท้ายมาดูแล เพราะเมื่อท่านหรือญาติติดต่อเข้ามา แล้วเราไม่รู้ว่าจะช่วยหาทางออกให้ท่านอย่างไร จะให้ท่านไปอยู่ที่ไหน ประกอบกับ ขณะนั้นเรายังพอมีเตียงว่าง มีผู้ดูแลเพียงพอ เราก็จะช่วยรับท่านมาดูแลไปพลางก่อน
อย่างกรณีของหลวงพี่ประหยัด (นามสมมติ) เกือบสองทุ่มท่านโทรมาหาเรา บอกว่าเดินทางมาจากทุ่งสง รถจะถึงสอยดาวแล้ว ช่วยออกมารับด้วย แน่นอนว่าจะอย่างไรก็ต้องรับท่านเข้ามาพักก่อน
ท่านเล่าว่าถูกทางวัดที่เพิ่งขอเข้าพักในช่วงก่อนพรรษากดดันด้วยวิธีต่างๆ ให้รู้ว่าไม่อยากให้ท่านพักอยู่ที่นั่นต่อไป เนื่องจากท่านเป็นวัณโรคระยะแพร่กระจาย เมื่อทนอยู่ต่อไม่ไหวจริงๆ จึงออกเดินทางมาพึ่งเรา เพราะไม่รู้ว่าจะไปขอพักที่ไหนได้ในช่วงเข้าพรรษาเช่นนั้น
หลังจากจัดสถานที่ให้ท่านพักแยกจากพระอาพาธรูปอื่น ได้พาท่านไปตรวจรักษา รับยา และกับชับให้ฉันยา จนออกพรรษาตรวจไม่พบเชื้อในเสมหะแล้ว ท่านก็ขอออกเดินทางจาริกต่อตามแผนเดิมของท่าน
ส่วนกรณีหลวงพ่อสถิต (นามสมมติ) โยมได้พามาตรวจที่โรงพยาบาลเพราะหกล้มจนเดินไม่ได้ หลังตรวจแล้วท่านปฏิเสธที่จะผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกสะโพกที่แตก ทางโรงพยาบาลจึงให้ยาและให้กลับ แต่ไม่มีใครมารับท่าน จนค่ำก็ยังติดต่อโยมที่มาส่งไม่ได้ ทางโรงพยาบาลจึงนำมาฝากให้เราช่วยดูแลไปพลางก่อน
แม้รุ่งขึ้นโยมจะติดต่อกลับมา แต่ก็แจ้งว่าไม่สะดวกในการดูแล เป็นแค่คนรู้จักเท่านั้นไม่ใช่ญาติ ยิ่งตอนนั้นท่านเดินไม่ได้จึงขอฝากให้เราช่วยดูแลต่อไปก่อน
เราจึงต้องดูแลท่านไปพลาง พร้อมทั้งโน้มน้าวให้ท่านไปผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องทนปวดและจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม
แต่อย่างไรท่านก็ไม่ยอมผ่าตัดท่าเดียว กระทั่งผ่านไปเกือบ ๒ สัปดาห์ มีพระรูปหนึ่งที่เราดูแลมานานมรณภาพลง รุ่งขึ้นไม่รู้ว่าอะไรดลใจ หลวงพ่อสถิตบอกเราว่า ไปผ่าก็ดีเหมือนกันจะได้เดินได้ เราจึงรีบนำท่านส่งโรงพยาบาลเพื่อส่งต่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลศูนย์
หลังจากกลับมาพักฟื้นจนเดินได้แล้ว จึงได้ส่งท่านกลับให้โยมไปดูแลต่อเพื่อเตรียมส่งท่านกลับยังวัดเดิมต่อไป
ส่วนหลวงพ่อเทพ (นามสมมติ) ท่านเส้นเลือดในสมองตีบ/แตกมาถึง ๓ ครั้ง ร่างกายซีกซ้ายขยับไม่ได้ แต่ยังพอใช้มือขวาได้ สื่อสารได้ ซึ่งปกติพระอาพาธลักษณะนี้เราจะไม่รับ เพราะต้องดูแลต่อเนื่องไปนานหลายปีจนไม่มีเตียงพอรับรูปอื่น แต่สำหรับท่าน ผู้ดูแลจำเป็นต้องเข้าผ่าตัด จึงขอให้เราช่วยดูแลสักช่วงหนึ่งก่อน
เมื่อออกพรรษาตามที่นัดหมายกันไว้ เราประสานกลับไปหาญาติ ก็แจ้งว่ายังไม่สะดวกเรื่องรถที่จะมารับ เพราะอยู่ไกลกันกว่า ๖๐๐ กิโลเมตร ตัวท่านเองช่วงแรกก็เหงา ผิดหวัง คิดถึงหมาหลายตัวที่เลี้ยงไว้ที่วัด ทางเราเองก็ไม่สะดวกที่จะหาคนหารถไปส่ง
ในที่สุดเมื่อหารถได้ และจำเป็นต้องมีเตียงว่างไว้รองรับพระอาพาธระยะท้าย จึงได้นำท่านไปส่งที่บ้านญาติ หลังจากที่อยู่กับเรามากว่า ๑ ปี ๗ เดือน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีความผูกพันไม่อยากกลับเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงบ้านน้องสาวที่เคยดูแลท่าน ก็ดูดีใจที่ท่านกลับมา ได้สร้างกุฏิหลังย่อมไว้รอท่านที่สวนหลังบ้านตั้งแต่ปีก่อน พร้อมทั้งมีเตียงและอุปกรณ์ในการดูแลต่างๆ ไว้พอควร
นอกจากที่กล่าวมานี้ ยังมีอีกหลายรูปที่กลับด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป บ้างจำเป็นต้องไปตรวจรักษาต่อ หมอไม่กล้าส่งยาเดิมมาให้ฉันต่อโดยไม่ได้ตรวจร่างกาย บ้างความจำกำลังฟื้นตัวจะดีกว่าถ้าได้กลับไปสู่สิ่งแวดล้อมเดิม บ้างญาติเป็นฝ่ายขอรับไปดูแลต่อ หรือขอกลับไปสิ้นลมใกล้ๆ ญาติก็มี
เราถือความประสงค์และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับท่านเป็นสำคัญ
โดยรวม ๔ ปี ที่สันติภาวันให้การดูแลพระอาพาธมา เราดูแลแล้วทั้งสิ้น ๒๘ รูป มรณภาพที่สันติภาวัน ๑๓ รูป กลับไปด้วยเหตุผลต่างๆ ๑๒ รูป (เท่าที่ทราบในจำนวนนี้มรณภาพแล้ว ๔ รูป) และที่ยังดูแลอยู่ ณ ขณะนี้ ๓ รูป
เรามิได้ต้องการมียอดตัวเลขพระอาพาธที่นำมาดูแลมากๆ เพราะเราเชื่อว่าพระอาพาธระยะท้ายส่วนใหญ่ต้องการทิ้งลมหายไว้ที่วัดที่ท่านคุ้นเคย
เรายินดีที่จะสนับสนุนให้วัดดูแลพระอาพาธในวัดของตนให้ได้ มากกว่าขวนขวายรับมาดูแลเอง