เมื่อ ๓ วันก่อน เราได้ต้อนรับหลวงพ่อมานิต (นามสมมติ) เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของสันติภาวัน ซึ่ง ๔-๕ วันก่อนหน้านั้นมีโยมผู้หญิงท่านหนึ่ง ติดต่อมาว่าอยากจะฝากให้ดูแลพระอาพาธเป็นอัมพาตซีกขวาเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อ ๖ เดือนก่อน
เมื่ออาการดีขึ้น โรงพยาบาลไม่สามารถติดต่อทางวัดที่ท่านพำนักได้ จึงติดต่อไปยังพี่สาวบุญธรรมวัย ๗๐ กว่าญาติเพียงคนเดียวของท่าน ให้รับไปดูแลที่บ้านทางภาคเหนือแต่ตอนนี้ผู้ดูแลเองมีอาการของโรคอัลไซเมอร์กำเริบมากขึ้น จนดูแลลำบาก จึงจำเป็นต้องหาที่อยู่ให้ท่านใหม่
หลวงพ่อเคยถูกขอร้องให้สึกเช่นกัน เพราะผู้ดูแลซึ่งเป็นโยมผู้หญิงรู้สึกลำบากใจในการดูแล ซึ่งต้องทำให้ท่านแทบทุกอย่าง รวมทั้งการอาบน้ำ ทำความสะอาดเมื่อขับถ่าย แต่ท่านไม่ยอมสึก
จะว่าไปอาการเจ็บป่วยของท่านไม่ได้อยู่ในข่ายที่เราจะรับเข้าดูแล เพราะอาการยังไม่อยู่ในช่วงท้ายระยะท้าย อาจต้องดูแลกันต่อเนื่องนับสิบปี แต่เพราะเห็นถึงความจำเป็นและเตียงยังว่างอยู่ จึงตัดสินใจรับท่านไว้ดูแล
หลวงพ่อมานิตเป็นพระมหาเถระวัย ๖๓ บวชมาได้ ๒๗ ปีแล้วท่านดูเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ความพิการของท่านถือว่าหนักพอควรคือร่างกายซีกขวาไม่มีแรงเลย ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย อาจเป็นเพราะเนื้อสมองถูกทำลายไปมาก หรือเพราะไม่ได้บริหารทำกายภาพบำบัดเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาเพราะผู้ที่ดูแลท่านทำไม่ไหว
เท่าที่ทราบเบื้องต้น หลวงพ่อไม่มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เลย ไม่มีนัดต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ไม่มียาที่ต้องฉันประจำ แต่ปัญหาสำคัญสำหรับเราผู้ดูแลใหม่คือท่านไม่สามารถพูดสื่อสารโต้ตอบให้เราฟังรู้เรื่องได้ เขียนก็ไม่ถนัด เพราะข้างซ้ายและมือสั่นด้วย กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจกันได้ดีขึ้นคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่
ช่วงแรกเราจัดให้ท่านนอนกับพื้นตามความประสงค์ของท่าน และหวังว่าท่านอาจพอจะขยับตัวเคลื่อนไหวถัดตัวไปห้องน้ำเองได้บ้าง ผ่านไป ๒ คืน ดูเหมือนท่านจะไม่ขยับไปไหนเลย ขับถ่ายอุจจาระเปรอะเปื้อนที่นอนในระหว่างที่เราออกบิณฑบาตปัสสาวะหกเปียกผ้าปูแม้ท่านจะพยายามใช้กระบอกรองแล้วก็ตาม จนเราต้องปรับแผนย้ายท่านขึ้นนอนบนเตียงเพื่อความสะดวกในการดูแลมากขึ้นและหากยังจัดการเรื่องการขับถ่ายไม่ได้คงจำเป็นต้องใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปต่อไป
มีความคืบหน้าในการดูแลท่านอย่างไรเราจะได้นำมาแลกเปลี่ยนร่วมกันเรียนรู้ธรรมะจากการดูแลหลวงพ่อมานิตด้วยกันต่อไป