การดูแลพระที่อาพาธระยะท้าย แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต แต่ก็มักเป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ท่านเทียวเข้า-ออกจากโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ยืดอายุขัยของผู้ป่วยให้ยืนยาวออกไป แต่จะเข้าถึงได้ก็มิใช่ง่ายนักและต้องแลกกับการเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจรับยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างปัญหาไม่น้อยให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแล ทำให้ส่วนหนึ่งต้องหลุดจากระบบการรักษา เข้าสู่ระยะท้ายก่อนเวลาอันควร

หลวงพ่อธวัชชัย (นามสมมติ) เป็นพระอาพาธรูปล่าสุดที่เรารับเข้ามาดูแล ก็เป็นหนึ่งกลุ่มที่หลุดออกจากระบบ เพราะท่านมีภาวะสับสนช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และไม่มีใครดูแล

ลูกชายของท่านเป็นผู้ติดต่อเข้ามาที่สันติภาวัน โดยแจ้งเพียงว่าหลวงพ่อเป็นโรคหัวใจ โรคไต ต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลหลายครั้ง ระยะหลังท่านสับสน จนดูแลตัวเอง จัดยาฉันเองก็ไม่ได้

เขาเล่าว่าครั้งหลังที่ไปเยี่ยมหลวงพ่อ พบท่านถูกปล่อยทิ้งให้นอนทับสิ่งปฏิกูลอยู่บนที่นอน ส่วนตนเองก็ต้องทำงานประจำที่กรุงเทพฯ ลางานมาเยี่ยมได้ยาก แม่ก็แยกทางไปมีครอบครัวใหม่อยู่ทางภาคเหนือ

วันที่เดินทางมาถึงสันติภาวัน สภาพสภาพหลวงพ่อธวัชชัยดูไม่แย่นัก ยังพอเดินเองได้ ผิวดูคล้ำกว่าปกติ เท้าบวมทั้งสองข้าง แต่ท่านยังสื่อสารได้ดี เป็นคนตลก คุยสนุก และฉันอาหารได้มาก

อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ด้วยกันหลายวันเข้าจึงพบว่า การสื่อสารที่ดูเหมือนว่าดีนั้น แท้จริงมีภาวะสับสนปะปนอยู่ไม่น้อย

เช่นเรื่องการปัสสาวะ ท่านบอกว่าอั้นไม่ค่อยได้ เราจึงจัดกระบอกรองปัสสาวะไว้ให้ใกล้ๆ แนะนำว่านึกขึ้นได้ให้ปัสสาวะเลยโดยไม่ต้องรอให้ปวด แต่ถึงเวลาท่านก็จำไม่ได้ ทำไม่ได้ จนปัสสาวะเปียกเตียงบ่อยๆ

แม้เราพยายามใช้หลายวิธี เช่น ใช้ต่อสายลงถุงเก็บปัสสาวะ ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จ แนะนำกันอย่างชัดเจน แต่ในที่สุดท่านก็ไม่ปัสสาวะลงกระบอก ดึงสายที่ต่อลงถุงออก ถอดผ้าอ้อม แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ (โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ที่เสี่ยงต่อการล้ม และสับสนทิศทางไปห้องน้ำ)

ปัญหาหาใหญ่ทางสุขภาพของท่านคือ อาหารหอบเหนื่อยเนื่องจากโรคหัวใจ เมื่อกลับจากห้องน้ำ หรือบางครั้งแค่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ท่านก็จะหอบเหนื่อยมาก โดยท่านไม่รับรู้เลยว่าแพทย์มีแนวทางให้การรักษาอย่างไรต่อไป รู้เพียงว่าถ้าเหนื่อยหมอสั่งให้ดมออกซิเจน ซึ่งอาการก็จะดีขึ้น

เดิมทีเราตั้งใจว่าจะดูแลท่านไปสักระยะเมื่อท่านแข็งแรง พอดูแลตัวเองได้ ก็จะให้กลับวัด แต่ไม่ถึงสัปดาห์ท่านก็เกิดมีอาการหนาวสั่นและเหนื่อยหอบรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาล และได้รับการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด

เมื่อพยาบาลสอบถามถึงประวัติความเจ็บป่วยของท่าน เราแทบให้ข้อมูลอะไรไม่ได้เลย ถามท่านก็สับสน โทรศัพท์ถามลูกก็ไม่รู้ชัดเช่นกัน จะขอประวัติจากโรงพยาบาลเดิม ก็ติดขัดต้องรอญาติใกล้ชิดไปยื่นเรื่องจึงจะได้

นี่เป็นภาพหนึ่งของพระอาพาธที่ไม่มีใครดูแล แม้ความเจ็บป่วยนั้นยังพอรักษาประคับประคองไปได้ แต่หากไม่มีผู้ใส่ใจใกล้ชิด ก็จะถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ เข้าสู่ระบบการรักษาไม่ได้ และเข้าสู่ระยะท้ายอย่างรวดเร็ว

สำหรับฝ่ายฆราวาสญาติโยม ลูกหลานมักเข้ามาเป็นธุระในเรื่องนี้ แต่สำหรับพระที่สละบ้านเรือนมานาน จะมีก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังมีญาติดตามดูแล นอกนั้นถ้าทางวัดไม่เข้ามาช่วย ไม่มีญาติโยมไม่เข้ามาอุปถัมภ์ก็มักหมดที่พึ่ง ยอมจำนนต่อพยาธิภัยดังที่หลวงพ่อธวัชชัยผ่านพบมา

นอกจากพระอาพาธระยะท้ายแล้ว จึงยังมีพระอาพาธอีกไม่น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น พาไปรับยาตามนัด ติดตามผลการรักษา และเยี่ยม-ประสานงานเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล ฯลฯ

จึงอยากชักชวนหมู่คณะ ทั้งพระและโยมที่พอมีเวลาและใจกรุณา มาอาสาตามกำลังพระกลุ่มนี้

ส่วนพวกเราที่สันติภาวัน ขอรับปากว่าจะไม่หยุดเฉพาะแค่การดูแลพระอาพาธระยะท้ายเท่านั้น