หนึ่งในเงื่อนไขในการรับพระอาพาธของสันติภาวันคือ ท่านต้องเต็มใจที่จะมาอยู่กับเรา มิใช่ถูกบังคับ หรือถูกหลอกให้มาแล้วปล่อยทิ้ง

แม้เกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยคัดกรองพระอาพาธที่ท่านไม่ประสงค์จะมาได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็พบว่ามีเล็ดลอดมาสร้างความไม่สบายใจให้กับพวกเราและพระอาพาธอยู่บ้าง ในสภาพหนักเบาต่างกัน

บางท่านญาติรับปากทั้งกับท่านและเราว่า จะให้มาอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะติดขัดเรื่องผู้ดูแลที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เมื่อหายดีแล้วก็จะมารับท่านกลับไปดูแล แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่มีวี่แววว่าจะมารับกลับ ปล่อยให้เศร้า บ่นคิดถึงวัด และสัตว์เลี้ยงของท่านอยู่นานเป็นปี

กรณีล่าสุดคือหลวงพ่อชื้น (นามสมมติ) ครั้งแรกลูกสาวท่านโทรมาปรึกษาว่าจะขอส่งตัวมาให้เราดูแล ท่านเป็นโรคถุงลมโป่งพองระยะท้าย ต้องมีเครื่องผลิตออกซิเจนอยู่ใกล้ตัวเสมอ แค่เดินไปห้องน้ำก็เหนื่อย ท่านไม่ยอมฉันยา และโรงพยาบาลก็ไม่ได้นัดรักษาต่อแล้ว ตอนนี้ท่านอาศัยอยู่กับครอบครัวของลูกสาวที่คอนโดห้องเล็กๆ บนชั้น ๔ มากว่า ๒ เดือนแล้ว

หลังจากเราให้ข้อมูลแจ้งเกณฑ์ต่างๆ ให้ทราบ สัปดาห์ต่อมาลูกสาวก็ติดต่อกลับมา พร้อมกับบอกว่าท่านยินดีที่จะมาอยู่กับเรา และไม่มีอะไรที่วัดที่ท่านยังกังวลหรือต้องจัดการอีกแล้ว จึงนัดหมายการเดินทาง และได้รับท่านเข้ามาเป็นสมาชิกของสันติภาวัน เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

การดูแลหลวงพ่อชื้นโดยรวมถือว่าไม่ยุ่งยาก แม้ท่านจะดูเชื่องช้า แต่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ดี มีสัปดาห์แรกเท่านั้นที่ฉันอาหารได้น้อยมากจนน่าห่วง แต่หลังจากนั้นท่านก็ปรับตัวฉันได้มากขึ้น จนอยู่ในเกณฑ์ปกติ

เราเริ่มเอะใจเมื่อโยมที่อาสาดูแลบอกว่า หลวงพ่อสอบถามถึงวิธีขึ้นรถประจำทางไปกรุงเทพฯ และเปรยว่าอยากไปหาเพื่อนที่วัดเดิมของท่าน และมีผู้ได้ยินท่านคุยโทรศัพท์กับลูกสาวในเชิงตำหนิและทวงเงินกันด้วย

เราจึงหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับท่าน ทำให้ทราบว่าลูกสาวบอกท่านเพียงว่าจะพาไปเที่ยววัด ไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะให้มาอยู่ที่นี่ตลอดไป ท่านยังห่วงข้าวของในกุฏิ และกังวลกับเงินเก็บของท่าน ที่หวังจะติดตัวไว้ใช้จนตาย แต่ลูกสาวแอบล้วงไปจากย่ามโดยไม่บอก

ช่วงนี้ท่านยังรู้สึกสับสนว่าจะเอาอย่างไรดีกับชีวิต กับข้าวของที่วัด กับเงินทองที่เหลืออยู่จำกัด รวมทั้งจะอยู่อย่างไรต่อไป ท่านว่าถ้าจะให้อยู่ที่สันติภาวันก็อยู่ได้ แต่ยังห่วงข้าวของที่วัดอีกมากมาย รวมทั้งเงินผู้สูงอายุที่เข้าบัญชีอยู่ทางนั้นจะทำอย่างไร ท่านยังมีน้องชาย แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะดูแลไปได้ตลอด

แน่นอนว่าในที่สุดหากหลวงพ่อชื้นท่านปรารถนาจะไปใช้ชีวิตช่วงท้ายอยู่วัดเดิมที่คุ้นเคย เราคงจำเป็นที่จะต้องพาท่านไปส่ง แต่ในช่วงนี้ต้องช่วยกันหาทางออกที่ลงตัวกับท่านต่อไปสักระยะหนึ่งก่อน

ความปรารถนาดีของลูกหลาน แม้ทำเพราะอยากให้ท่านมีที่อยู่สบายไปจนถึงระยะท้ายของชีวิต แต่หากตัวพระอาพาธไม่ต้องการ ก็ไม่ควรฝืน หรือรีบเร่งพาท่านไป ควรให้เวลาท่านได้ทบทวน ได้สะสางสิ่งที่ค้างคา ได้ร่ำลาคนที่คุ้นเคย ดีกว่าให้ท่านมาเหงาเศร้าหมองอยู่ลำพังยามกำลังจะสิ้นลม

การสนับสนุนให้แต่ละวัด หรืออย่างน้อยตำบลละ ๑ วัด มีศักยภาพดูแลพระอาพาธในพื้นที่ของตนเองได้ จึงเป็นทางออกที่ดี ไม่ใช่เฉพาะต่อกรณีที่ท่านไม่อยากจากภูมิลำเนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแบ่งปันความรู้ แบ่งเบาภาระในการดูแลระยะท้าย

รวมทั้งได้ความกลมเกลียวสามัคคีในหมู่สงฆ์ และช่วยธำรงธรรมวินัยไว้อีกด้วย