ภาพตรงข้ามกับการทอดทิ้งพระอาพาธให้นอนอยู่อย่างเดียวดายในกุฏิหรือที่โรงพยาบาล คือการแบ่งฝ่ายแย่งชิงตัวหลวงพ่อที่อาพาธไปดูแล
หลายคนอาจคิดว่าเป็นปัญหานี้คงเป็นเรื่องของเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากเท่านั้น แต่็ใช่ว่าปัญหานี้จะไม่เกิดกับพระทั่วไป และหากเกิดขึ้นจริงก็สร้างความทุกข์ใจให้พระอาพาธไม่น้อย จนนำไปสู่การจากไปอย่างไม่สงบได้เช่นกัน
ตัวพระอาพาธเอง หรือผู้ที่ดูแลอยู่ประจำอาจชะล่าใจคิดว่าปัญหานี้จะไม่เกิดกับตน เพราะขณะที่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ติดเตียง ซึ่งต้องดูแลป้อนข้าวน้ำ เช็ดตัว ให้ยา พาไปโรงพยาบาลกันอย่างยืดยาวแรมปีนั้น ดูเหมือนไม่มีใครเลยที่ยื่นมือเข้ามาแบ่งเบาภาระ ไม่ว่าในด้านการเฝ้าไข้หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่พอใกล้ถึงวาระสุดท้าย กลับอ้างเหตุผลมากมายว่าจะนำไปดูแลเอง เช่น อยากช่วยเพราะเห็นเหนื่อยมามากแล้ว รึอ้างว่าท่านสั่งไว้อยากให้นำกลับไปมรณภาพที่นั่นที่นี่ ฯลฯ
สำหรับพระผู้ใหญ่เกจิอาจารย์นั้น แน่นอนว่าผลประโยชน์มหาศาลที่ท่านทิ้งไว้ หรือที่จะเกิดขึ้นเมื่อจัดงานศพท่าน มักเป็นสาเหตุหลักในการช่วงชิงการดูแลท่านในระยะท้าย แต่สำหรับพระบ้านธรรมดาๆ ปัญหานี้กลายเป็นผลจากความกตัญญูเฉียบพลันของศิษย์ ชาวบ้าน หรือญาติใกล้ชิดแต่ไม่เคยคิดจะดูแลมาก่อน
การไปเยี่ยมพระอาพาธที่โรงพยาบาลของพวกเราครั้งหนึ่งไม่นานนี้ พระที่อาพาธท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดย่อมๆ แห่งหนึ่ง มาบำบัดรักษามะเร็งสมองได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่วันที่เราไปพบท่านทราบว่าโรคลุกลามไปมาก จนเกินความสามารถที่หมอจะรักษาได้ ท่านคงครองสังขารอยู่อีกไม่นานนัก
ขณะที่เราไปเยี่ยมท่านก็ได้พบกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้อยู่พอดี เป็นการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายน้องชายและญาติๆ ที่ต้องการนำท่านไปดูแลต่อที่บ้าน กับฝ่ายชาวบ้านที่ต้องการนำท่านกลับไปดูแลและให้ท่านมรณภาพที่วัด
แม้ช่วงเวลาสั้นๆ ที่อยู่ร่วมสถานการณ์ตรงนั้นก็รับรู้ได้ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ต่างก็มีเหตุผลที่น่ารับฟังว่าทำไมหลวงพ่อควรถูกนำไปใช้ชีวิตช่วงท้ายกับฝ่ายตน และเริ่มที่จะโทรติดต่อบุคคลภายนอกที่มีอำนาจ มีอิทธิพลให้เข้ามาช่วยเจรจาให้ฝ่ายตนชนะ ส่วนท่านเองก็คงพอมีสติรับรู้ในความขัดแย้งในเรื่องนี้อยู่พอควร
พวกเราหลังจากที่เยี่ยมพระอาพาธรูปอื่นในหอผู้ป่วยจนเสร็จก็เข้าไปพบท่าน ช่วงแรกที่เข้าไป ท่านก็ยังยิ้มให้พอยกมือรับไหว้กันได้อยู่ แต่เพียงแค่เริ่มจะพูดถึงประเด็นความขัดแย้งนี้ขึ้นมา ท่านก็เบือนหน้าหนีและไม่พูดอะไรอีกเลย แล้วอาการท่านก็ทรุดลงจนเราต้องลากลับเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาดูแลต่อ
ความทุกข์ความเจ็บปวดอ่อนล้าทางกายในช่วงท้ายชีวิต ก็นับว่าหนักหนาสาหัสอยู่แล้วสำหรับผู้ป่วย แต่เมื่อต้องพบกับความขัดแย้งของคนใกล้ชิด พบเรื่องยากต่อการตัดสินใจที่จะทำให้ทุกฝ่ายพอใจในผลลัพธ์ ก็ยิ่งทำให้ความทุกข์เพิ่มทวีขึ้น
ความตั้งใจของตนที่แน่ชัด เช่น อยากจะสิ้นลมที่วัด หรือมรณภาพในขณะที่ครองผ้าเหลืองมีศีลบริสุทธิ์ คงไม่เป็นจริงหากเตรียมการไว้ไม่ดีหรือไม่มีความเข้มแข็งพอ แต่จะเป็นไปตามการตัดสินใจของคนรอบข้างที่ทำไปในนามความปรารถนาดี (ที่มักมีผลประโยชน์ ความสะดวก หรือความเห็นแก่ตัวแฝงอยู่)
ไม่ว่าพระอาพาธหรือฆราวาสทุกคน จึงไม่ควรประมาทในเรื่องนี้ ควรเตรียมตัวสำหรับชีวิตในระยะท้ายหรือแม้แต่วิธีจัดการศพหลังตายไว้ด้วย อาจารย์พุทธทาส หลวงพ่อคูณ และฆราวาสอีกหลายคนก็ได้ทำเรื่องนี้ไว้เป็นตัวอย่างในแบบที่ท่านเห็นว่าเหมาะสม หากละเลยอาจต้องวุ่นวายใจเมื่อเวลานั้นมาถึง ต้องยอมจำนนรับการตัดสินใจแบบไม่เข้าท่าของใครบางคนที่เสียงดังหรือมีอำนาจเหนือกว่าในขณะนั้น
เราไม่ควรมองว่าการเตรียมการเรื่องนี้เป็นความยึดติดถือมั่นในร่างกายตน เพราะการเตรียมเรื่องนี้หากทำด้วยปัญญา เราย่อมปรารถนาให้การตายและร่างกายของเรานี้ ไม่เป็นภาระ ไม่สร้างปัญหา แต่นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อคนข้างหลัง มิได้มุ่งหวังชื่อเสียงหรือประโยชน์ใส่ตัวแต่อย่างใด