หลวงพ่อธวัชชัย (นามสมมติ) ถือเป็นพระรูปหนึ่งที่อยู่สันติภาวันด้วยความสุข ท่านเอ่ยปากขอบคุณพวกเราอยู่เสมอที่รับท่านมาดูแล

ท่านว่าถ้าไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตตอนนี้จะเป็นอย่างไร

หลวงพ่อมีปัญหาโรคหัวใจรุนแรง อยู่ที่วัดโดยไม่มีใครดูแล ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่กับเรามีอาการหอบเหนื่อยง่าย แม้เดินใกล้ๆ ก็หอบ เพียงไม่ถึงสัปดาห์ ท่านก็มีอาการหนาวสั่น หายใจเร็ว จนต้องพาไปโรงพยาบาล

ท่านถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ รักษาตัวอยู่เกือบเดือนจึงได้กลับมาที่สันติภาวันอีกครั้ง จากนั้นอาการโดยรวมของท่านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อาการเหนื่อยลดลงมาก ฉันได้มากขึ้น ทำกิจต่างๆ ด้วยตัวเองแทบทุกอย่าง

หลวงพ่อธวัชชัย เป็นคนมีอารมณ์ขัน ยิ้มง่าย มุกเยอะ จนตามแทบไม่ทัน แต่มีปัญหาเรื่องความจำ

ท่านว่าความจำจะหายไปเป็นช่วงๆ บางครั้งรู้สึกเบลอ จนต้องถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ และหลายครั้งก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ากำลังทำอะไร

อย่างไรก็ตามท่านวางใจต่อเรื่องนี้ได้ดี ท่านว่าไม่เป็นไร เพราะเราทำอะไรเขาไม่ได้ จำไม่ได้ก็ดีไม่วุ่น ถ้าจำได้ขึ้นมาก็ดีอีกเหมือนกัน อะไรก็ดีทั้งนั้น

นอกจากอาการทางกายที่ดีขึ้น ท่านยังดูปล่อยวางได้มากขึ้นด้วย ท่านว่าอะไรจะเกิดก็พร้อมที่จะรับ พยายามอยู่กับปัจจุบัน ว่างก็ทำสมาธิ เดินจงกรม

ท่านถือว่าได้ผ่านช่วงวิกฤติที่สุดของชีวิตมาแล้ว ตอนที่อยู่โรงพยาบาลหมอถึงกับให้ญาติทำใจ เพราะคาดว่าน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน ๓ ชั่วโมง แต่ก็ท่านผ่านจุดนั้นมาได้

ก่อนออกจากโรงพยาบาล แพทย์ยังบอกอีกว่าหัวใจท่านทำงานอยู่เพียง ๑๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พร้อมที่จะหยุดเต้นไปได้ทุกเมื่อ โอกาสที่อยู่รอดเกินสิ้นปี (๒๕๖๖) มีไม่มากนัก

ถึงวันนี้ หลวงพ่อธวัชชัยอยู่ข้ามปีมา ๓ เดือนกว่าแล้ว ท่านมีความสุข ยิ่มรับทุกสถานการณ์ ไม่ทำตัวให้เป็นภาระ เป็นที่รักของพระผู้ดูแล และจิตอาสาทุกคน

ความห่วงใยลูกชายที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งท่านผูกพัน ชื่นชม พูดให้เราฟังบ่อยๆ และเรียกร้องให้เขามาเยี่ยม แต่ระยะหลังท่านบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเขาว่างก็มาเอง ไม่มาก็ไม่เป็นไร

ท่านว่ามีชีวิตอยู่มาได้ถึงตอนนี้ถือว่ากำไร ไม่ควรจะทุกข์อะไรอีกแล้ว ยิ่งได้มาอยู่ที่สันติภาวัน ยิ่งไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล…

การผ่านชีวิตช่วงป่วยหนักแล้วรอดมาได้ อาจมีส่วนสำคัญให้หลวงพ่อธวัชชัยปล่อยวางและมีความสุขมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกท่านที่ผ่านวิกฤติแบบนั้นแล้วจะปล่อยวางและมีความสุชแบบนี้ได้

สำหรับพวกเราแม้จะยังไม่เคยป่วยหนัก “รอดตาย” มาอย่างหวุดหวิดเหมือนหลวงพ่อธวัชชัย แต่ก็วางใจใช้ชีวิตอย่างปล่อยวางมีความสุขแบบท่านได้

จะว่าไปเราทุกคนอาจเคยรอดตายอย่างฉิวเฉียดจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่ไม่รู้ตัว เพราะความตายเกิดกับเราได้ทุกรูปแบบ ทุกเวลาอยู่แล้ว การมีชีวิตอยู่ขณะนี้ จึงเป็นช่วงที่เป็น “กำไร” ทั้งสิ้น

วันนี้ ขณะนี้ จึงเป็นเวลาพิเศษของเราทุกคน ทิ้งความเศร้า ความทุกข์ ความกังวล กลับมาอยู่กับสิ่งที่มี อย่างมีความสุข มีคุณค่า และมีประโยชน์ใน “วันที่กำไร” ของเรากันดีกว่า