การมีอายุยืนยาวเป็นความปรารถนาของคนส่วนใหญ่ แต่ความชรานั้นต้องมาพร้อมกับสุขภาพที่ดีสมวัย จิตใจสงบเย็น พร้อมทั้งมีทรัพย์และผู้ดูแล จึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข
ระยะหลังนี้มีผู้ติดต่อขอส่งพระชรามาให้สันติภาวันดูแลมากขึ้น ท่านอาจไม่ได้มีโรคร้าย แต่กำลังกายถดถอย สมองอ่อนล้า สายตาพร่ามัว ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย อยู่วัดก็ไม่มีใครดูแล แม้แต่ญาติก็ไม่เหลือใคร
ถึงสันติภาวันจะยังไม่พร้อมให้การดูแลพระชราระยะยาว แต่ก็เคยมีโอกาสได้ดูแลพระชราที่อาพาธในระยะท้ายมาหลายรูป
ที่ผ่านมาหลวงพ่อไสว (นามสมมติ) เป็นพระอาพาธที่มีอายุมากที่สุดที่เราเคยดูแลมา คือ ๙๗ ปี สุขภาพก่อนหน้านั้นถือว่าท่านแข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกันมาก ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เมื่อล้มกระดูกสะโพกแตก ท่านกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงหมดสภาพในพริบตา แล้วถูกส่งต่อมาให้เราดูแล
ส่วนหลวงพ่ออุทิศ (นามสมมติ) อายุ ๙๒ ปี มาที่สันติภาวันด้วยสาเหตุคล้ายๆ กัน คือล้มฟาดพื้น แม้ไม่ถึงกับมีกระดูกแตกหัก แต่ต้องเข้าเฝือกอ่อนในบางจุด ร่างกายฟกช้ำ ปวดบวม จนเดินเหินดูแลตัวเองไม่ได้
หลวงพ่ออุทิศเล่าว่า ที่วัดมีพระอยู่กัน ๗ รูป แต่ไม่มีใครมาดูแลท่านเลย ท่านบวชมาเกือบ ๔๐ พรรษา เป็นพระมหาเถระในวัด ก็ยังไม่มีพระสนใจ
ยังดีที่ท่านมีหลานสาว (ที่ล่วงเข้าวัยชรามีปัญหาสุขภาพอยู่เช่นกัน) ที่คอยถามข่าวช่วยจัดหาภัตตาหารมาถวาย
พระที่อายุมากๆ ญาติใกล้ชิดมิตรที่พอจะพึ่งพาได้ย่อมน้อยลง เพราะต่างก็ล้มหายตายจากกันไป ที่เหลืออยู่ก็หมดเรี่ยวแรงไร้อำนาจบารมีที่จะช่วยเหลือกันได้ต่อไป
การดูแลพระชราที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามสภาพสังคมผู้สูงวัย จึงเป็นอีกประเด็นที่ชาวพุทธจะต้องปรับตัวช่วยกันแก้ไข
ฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ต้องเตรียมแผน จัดระบบ และสั่งการให้แต่ละวัด ให้ความช่วยเหลือ มิใช่ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัว หวังผลักให้เป็นภาระของญาติอย่างเดียว
สำหรับพระด้วยกันสิ่งที่พอทำได้ก็อยากขอร้องให้ช่วยๆ กัน ให้ความกรุณาหลวงตาแก่ๆ ที่ท่านช่วยดูแลวัด สืบทอดพระศาสนา และรักษาศรัทธาญาติโยมจนส่งผลมาถึงปัจจุบัน
ฝ่ายฆราวาสญาติโยมที่แม้จะห่างเหินวัดออกไปทุกที แต่หากรู้ว่าวัดที่ทำบุญประจำ มีพระชราที่พึ่งตัวเองไม่ไหว ก็ควรให้ความช่วยเหลือตามกำลัง ไถ่ถามอาการจากเจ้าอาวาส ให้ท่านรู้ว่ามีโยมที่ยังห่วงใยหลวงปู่หลวงตาอยู่
ปัจจุบันมีข่าวด้านลบของพระเป็นแรงปะทะจากภายนอกที่เข้ามากระแทกพระศาสนา สร้างความเสียหายต่อศรัทธาผู้คนไม่เว้นแต่ละวัน
แต่การไม่มีระบบดูแลพระยามชราอาพาธ ถือเป็นการเซาะกร่อนทำลายความมั่นคงคณะสงฆ์จากภายใน ที่หากเราไม่ใส่ใจ พระเก่าก็จะอยู่ไม่ไหว พระใหม่ก็ไม่กล้าบวชอยู่นาน
ทั้งกร่อนนอก ผุใน แล้วเราจะเหลืออะไรในอนาคต
