เมื่อประมาณ ๒ สัปดาห์ก่อน นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ได้สอบถามมาที่สันติภาวันว่าจะพอรับพระอาพาธไว้ดูแลได้หรือไม่
ทางโรงพยาบาลให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ท่านมาเข้ารับการรักษาแผลที่เท้าขวาเมื่อ ๘ เดือนก่อน แต่แผลติดเชื้อลุกลามจนต้องตัดขาขวาบริเวณใต้เข่าไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ระหว่างนี้ได้เกิดแผลกดทับบริเวณหลังและก้นกบด้วย
ปัจจุบันอาการท่านดีขึ้นมากเหลือเฉพาะแผลที่ก้นกบ ซึ่งแพทย์เห็นว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปดูแลต่อที่วัดได้
แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปที่วัด ทางเจ้าอาวาสแจ้งว่าไม่มีพระเณรที่จะดูแลท่านได้ ส่วนญาติก็ไม่พร้อมที่จะรับไปดูแลด้วยติดปัญหาเรื่องที่พักและปัญหาทางเศรษฐกิจ
นักสังคมสงเคราะห์แจ้งว่าท่านไม่ปฏิเสธที่จะไปอยู่สถานสงเคราะห์ของราชการ แต่ติดที่ท่านไม่ต้องการจะลาสิกขา จึงได้สอบถามมาทางสันติภาวันเผื่อจะช่วยรับท่านไว้ดูแลได้ แม้ท่านจะยังไม่ใช่ผู้ป่วยระยะท้ายก็ตาม ซึ่งเราคุยกันแล้วเห็นถึงความจำเป็นของท่านจึงตอบรับว่าหากท่านยินดีมาอยู่ เราก็พร้อมที่จะช่วยดูแลท่าน
บ่ายวันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สันติภาวันจึงได้รับพระอาจารย์อนุสรณ์ (นามสมมติ) เข้ามาดูแล ท่านเป็นพระเถระอายุ ๕๗ ปี บวชมา ๑๓ พรรษา พื้นเพเป็นชาวกาญจนบุรี แต่ได้จำพรรษาอยู่ทางภาคใต้หลายปีแล้ว
พระอาจารย์อนุสรณ์ท่านเป็นคนร่างสูงใหญ่ ท่าทางคล่องแคล่ว คุยเก่ง ถ้าไม่อาพาธก็คงช่วยทำงานพระศาสนาได้อีกมาก แต่ขณะนี้ดูท่านอ่อนแรงลงมาก แม้ได้ทำกายภาพบำบัดมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม ท่านก็ยังยืนทรงตัวด้วยขาข้างเดียวไม่ถนัด
ด้วยเหตุนี้ขั้นตอนการเตรียมทำขาเทียมจึงยังเริ่มไม่ได้ หน้าที่ของเราส่วนหนึ่งคือต้องช่วยให้ท่านยืนให้มั่นคงขึ้น เพื่อท่านจะได้ใส่ขาเทียมอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตต่อไป
สำหรับแผลที่ก้นกบของท่านมีขนาดใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพยาบาลจิตอาสาของศูนย์ฯ ที่มาแนะนำและฝึกให้เราทำแผลท่านอย่างละเอียด จนเรามั่นใจว่าจะช่วยดูแลท่านต่อไปได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าเราวางแผนจะพาท่านไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อการดูแลอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทุกครั้งที่ได้รับพระอาพาธรูปใหม่เข้ามาดูแล พวกเรามีความรู้สึกเหมือนมีครูคนใหม่เข้ามาสอน ท่านมาตั้งโจทย์ธรรมะข้อใหม่ มาทดสอบจิตใจและการปฏิบัติของเรา มาช่วยกระตุ้นให้เราตื่นตัวเรียนรู้ ได้ฝึกสติปัญญามากยิ่งขึ้น รวมทั้งมาเปิดโอกาสให้เราได้ทำบุญใหญ่ ได้สนองงานที่พระพุทธองค์ทรงฝากฝังให้หมู่ภิกษุดูแลกันยามเจ็บไข้ด้วย
ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ขวนขวายหาที่ส่งต่อพระอาพาธจนพระอาจารย์อนุสรณ์ได้มาอยู่กับเรา และขออนุโมทนาทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งมากเกินกว่าที่จะแจกแจงได้หมด) ที่ร่วมกันเป็นเหตุปัจจัยให้สันติภาวันมีโอกาสทำงานดูแลพระอาพาธมาได้อย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้
หากมีเรื่องราวในการดูแลท่านที่พอจะเป็นประโยชน์ให้ได้เรียนรู้ธรรมะเพิ่มขึ้น เราจะได้นำมาแบ่งปันสู่กันฟังต่อไป