ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายในช่วงท้ายแห่งชีวิต ถือเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์ยากของผู้ดูแล โดยเฉพาะเมื่อดูแลอยู่ที่บ้านหรือในวัด เสียงโอดโอยของคนไข้นั้นมิใช่เสียงดังน่ารำคาญธรรมดา แต่สามารถทิ่มแทงไปถึงจิตใจผู้ดูแลทำให้ทุกข์เครียดยิ่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยผู้ป่วยได้อย่างไร

นับเป็นโอกาสของผู้ป่วยระยะท้ายในทศวรรษนี้ ที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมการใช้ยาแก้ปวดอย่างแรงที่เป็นเสพติดให้โทษ ทำให้นำไปใช้กับคนไข้ที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ง่ายขึ้น แต่กระนั้นก็อาจยังไม่เพียงพอและทั่วถึงสำหรับผู้ป่วยนัก

หลวงพ่อประมวล (นามสมมติ) เป็นท่านหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดรุนแรง ท่านปวดต้นขามากจนทางวัดต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ในช่วงแพร่ระบาดของโควิด ขั้นตอนส่งต่อโรงพยาบาลใหญ่เพื่อตรวจวินิจฉัยยุ่งยากขึ้น กว่า ๓ เดือนที่นอนโรงพยาบาล ในที่สุดแพทย์ได้ตรวจพบก้อนมะเร็งที่ไต กระเพาะปัสสาวะ และกระจายไปยังกระดูกอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านปวดมาก

ตามกระบวนการรักษาแพทย์ยังต้องวินิจฉัยต่อว่าต้นตอของโรคมาจากจุดใด แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดลงทุกขณะจนขยับเขยื้อนแต่ละครั้งท่านเจ็บปวดมาก ทำให้ท่านปฏิเสธการรักษาต่อขอกลับวัด ครั้นเมื่อโรงพยาบาลติดต่อวัดเพื่อส่งตัวกลับ เจ้าอาวาสแจ้งว่าไม่พร้อมที่จะรับเพราะไม่มีผู้ดูแล เป็นเหตุให้ท่านได้มาอยู่กับเราที่สันติภาวัน

หลวงพ่อประมวลท่านบอบช้ำมากจากโรคที่เป็นอยู่ ตั้งแต่เอวลงไปขยับเมื่อไรจะปวดมาก การมีก้อนมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะลำบาก เราพยายามบรรเทาปัญหานี้ให้ท่านด้วยการใส่สายสวน แต่ดูเหมือนว่าสร้างความเจ็บปวดรำคาญมากขึ้น ท่านพยายามดึงสายออกอยู่ตลอด จนในที่สุดเราต้องถอดออกให้ (ถึงถอดสายแล้วท่านก็ยังเจ็บปวดขณะปัสสาวะเช่นเดิม ระยะหลังปัสสาวะมีหนองข้นปนมามากขึ้นเรื่อยๆ)

แม้ท่านจะมีทุกขเวทนาทางกายมากกว่าพระทุกรูปที่เราเคยดูแลมา แต่หลวงพ่อดูแลง่ายกว่าพระอาพาธรูปอื่น ส่วนหนึ่งเพราะท่านผอมมากทำให้การพลิกเช็ดตัว เปลี่ยนผ้าอ้อม ผ้าปูเตียง ทำได้ง่าย ท่านฉันอาหารไม่มาก แต่ก็ฉันได้สม่ำเสมอ (ท่านบอกว่าฉันเพื่อให้ผู้ดูแลดีใจ) ถ้าให้ยาบรรเทาอาการปวดได้พอดี ท่านจะอยู่ได้โดยมีทุกขเวทนาไม่มากนัก

หลวงพ่อยังใจดี ขี้เกรงใจ และอดทนมาก ท่านแทบไม่เคยเรียกร้องอะไรแม้แต่ยาแก้ปวด (เราต้องคอยสังเกตหรือถามท่านเอง) ท่านยิ้มง่าย ยกมือไหว้แทบทุกครั้งที่เข้าไปเช็ดตัว ให้ยา หรือว่าป้อนอาหาร ทั้งที่ท่านอายุพรรษามากแล้ว แถมยังเปรยให้ฟังว่าเป็นบุญของท่านที่ได้มาที่นี่ มีพระดูแลดี แถมด้วยการอวยชัยให้พรพวกเราด้วย

อย่างไรก็ตามเราสังเกตพบว่าท่านยังมีปัญหารบกวนจิตใจอยู่ไม่น้อย หลวงพ่อพูดถึงวัดและบ่นอยากพบหลานอยู่หลายครั้ง เราจึงพยายามติดต่อประสานงานจนหลานชายได้มาเยี่ยม ท่านจึงให้หลานไปจัดการเคลียร์ของที่กุฏิจนความกังวลใจส่วนนี้ส่วนนี้ของท่านคลี่คลายไป

แต่กระนั้นเราสังเกตเห็นว่าท่านยังมีห่วงอีกไม่น้อย บ่นอยากไปหาน้องที่อุบล อยากให้พาไปเยี่ยมครูบาอาจารย์ ซึ่งด้วยสภาพร่างกายของท่านเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ท่านยังห่วงย่ามของท่านมาก มักนำมากอด วางไว้ข้างกาย หรือคล้องคอไว้ยามนอน หากนอนไม่หลับท่านจะล้วงค้นของในย่ามอยู่เสมอ แม้เราไม่เคยยุ่งกับย่ามท่านเลย แต่ของในย่ามที่ค้นก็ร่วงหล่นลงมาแทบทุกชิ้น ซึ่งก็มิได้มีอะไรที่ดูมีมูลค่าหรือสำคัญนัก หลายครั้งของที่ตกลงมาแล้วท่านนอนทับไว้ ก็จะบ่นพึมพำว่าของหายต่อเมื่อหาพบท่านจึงโล่งอกหมดกังวล

หลวงพ่อประมวลมีปัญหาเรื่องการได้ยินต้องใช้เครื่องช่วยฟัง (แต่ประสิทธิภาพของเครื่องก็ไม่ดีนัก) ทำให้การสื่อสารกับท่านค่อนข้างลำบาก การจะพูดคุยกันลึกๆ เพื่อสำรวจความกังวลใจของท่านจึงทำได้ไม่ง่าย จนดูเหมือนว่าความทุกข์กายที่มากมายนั้นจัดการได้ง่ายกว่าความทุกข์ใจที่ยังไม่ถูกเปิดเผยเสียอีก

หลวงพ่อกำลังสอนพวกเราเป็นนัย ว่าการเตรียมใจให้โปร่งเบาเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกไว้ให้พร้อม เพราะไม่มีใครรู้ชัดหรอกว่าวาระสุดท้ายของตนจะมาในรูปแบบไหน แม้มีคนไว้ใจอยู่เคียงข้างก็อาจหมดหนทางช่วย ด้วยเหตุที่กายใจเราไม่พร้อม
ท่านเตือนเราว่าอย่าประมาทต่อความตาย มันอาจไม่ง่ายเหมือนที่คิด