ความยากในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงนอกจากจะต้องอยู่กับสิ่งปฏิกูล ความเจ็บปวด และความทุกข์ของผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นงานที่น่าเบื่อ จำเจ ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด แต่เมื่อถึงวันที่ภาระสิ้นสุดลงจริงๆ แทนที่จะได้ดีใจ กลับเศร้าหมองเพราะหมายถึงการสิ้นชีวิตลงของผู้ป่วย

ในขณะที่อีกเรื่องหนึ่งที่น่าเบื่อไม่แพ้กันในสายตาคนทั่วไปก็คือวิถีชีวิตแบบพระ เพราะดูไม่มีสีสัน ขยับตัวทำอะไรก็เหมือนจะผิดวินัยไปหมด จะไปที่ไหนทำอะไรมักถูกจับจ้องจากญาติโยมจนดูไม่มีอิสระ

ถ้าหากความน่าเบื่อทั้งสองสถานการณ์มารวมกัน คือเป็นพระที่มีภาระดูแลพระป่วยติดเตียงไปด้วย หลายท่านคงนึกไม่ออกว่าชีวิตจะซ้ำซากจำเจน่าเบื่อเป็นทวีคูณเพียงใด… ลองมาดูชีวิตพระที่สันติภาวัน ที่ท่านต้องดูแลพระอาพาธติดเตียงอยู่ทุกวัน ว่าเป็นอย่างไร

ชีวิตพระที่นี่เริ่มขึ้นประมาณตีสามครึ่ง ด้วยการเข้าไปดูแลความเรียบร้อยของพระอาพาธ อาจต้องห่มผ้า ปิดพัดลมเพราะอากาศเย็นลง บางรูปต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม ผ้ารองซับ เทถุงปัสสาวะ บางครั้งก็มีปัสสาวะอุจจาระเปรอะเปื้อนเตียง งานเหล่านี้ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะทำวัตร/ปฏิบัติธรรมร่วมกันตอน ๔.๑๕ น.

พอฟ้าสางก็ออกบิณฑบาต เหลือรูปหนึ่งไว้ดูแล คอยล้างหน้า เช็ดตัว ทำแผล หรือหาเครื่องดื่มรองท้องให้พระอาพาธที่ตื่นเช้า เนื่องจากการบิณฑบาตค่อนข้างไกล (๗ กม.) กว่าจะกลับมาถึงก็เกือบ ๘ โมง

หลังจากจัดแบ่งอาหารไว้สำหรับพระอาพาธและทำภัตกิจส่วนตัวเสร็จ ก็ต้องกลับไปดูแลพระอาพาธต่อ ปลุกท่านขึ้นมาล้างหน้า แปรงฟัน เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าปูเตียง แล้วอุ้มท่านนั่งรถเข็นออกไปชื่นชมบรรยากาศยามเช้านอกห้อง พร้อมกับป้อนอาหารไปด้วย บางรูปกว่าจะฉันเสร็จก็เลยสิบโมงไปมาก แล้วจึงนำท่านกลับขึ้นเตียงให้พักผ่อน

หลังจาก ๑๑ โมง จะเป็นช่วงที่พระพอมีเวลาส่วนตัวเพื่อซักผ้า ถูห้อง ดูแลต้นไม้ อ่านหนังสือ พักผ่อน หรือทำงานตามอัทธยาศัย จนถึงบ่ายกว่า ๓ จึงมาช่วยกันดูแลพระอาพาธอีกครั้ง ทั้งสรงน้ำ เปลี่ยนชุด/ผ้าอ้อม ทำแผล และป้อนอาหารว่าง (ให้บางรูป) กว่าจะเรียบร้อยก็ใกล้เวลาเตรียมตัวทำวัตรเย็นพอดี

ตกค่ำก่อนแยกย้ายกันไปจำวัด จะต้องเข้าไปดูความเรียบร้อย/ให้ยาพระอาพาธกันอีกรอบ แม้ในช่วงค่ำคืนก็ต้องพร้อมที่จะลุกขึ้นมาดูหากมีเสียงผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น หาน้ำให้ฉัน รินยาแก้ไอให้จิบ (บางรูปแม้มีน้ำที่หัวเตียงก็หยิบฉันเองไม่ได้) มีบางครั้งอาจต้องเตรียมอาหารให้ฉัน หรือพาไปนั่งเล่นนอกห้องเพราะท่านนอนไม่หลับ (แล้วรบกวนรูปอื่น)

กิจกรรมได้วนซ้ำอยู่แบบนี้ทุกวันมานับเดือนนับปีแล้ว จะมีต่างไปบ้างเล็กน้อยตามจำนวนพระอาพาธและสภาพความเจ็บป่วย แต่นี่มิใช่เรื่องที่น่าเบื่อสำหรับพวกเรา เพราะนอกเหนือจากคุณค่าของงานที่ทำ ครูบาอาจารย์ท่านยังช่วยย้ำให้เราเห็นประโยชน์ของเรื่องที่ดูจำเจด้วย

ความจริงคนเราต้องการสิ่งที่เหมือนเดิมมากกว่าเรื่องแปลกใหม่ เราอยากให้อวัยวะทำงานปกติเหมือนเดิม ให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาลเช่นเดิม เพราะความเหมือนเดิมคือความมั่นคง ปลอดภัย และลงตัว แต่การตลาดยุคนี้ชูได้ความเปลี่ยนแปลงแปลกใหม่เป็นจุดขาย และใส่ร้ายความเหมือนเดิมจนทำให้เรามองเห็นว่าเป็นเรื่องล้าหลังน่าเบื่อหรือจำเจไป

สิ่งที่ได้พบได้ทำซ้ำๆ สอนธรรมได้ดีว่าเรื่องแปลกใหม่ การได้ทำซ้ำๆ จะดึงเราให้กลับมาทบทวนสิ่งที่ทำอยู่ แล้วพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น การเจริญสติ ทำสมาธิ ก็ต้องทำอยู่ซ้ำๆ แม้แต่การพัฒนาปัญญาก็ต้องเพียรพิจารณาซ้ำๆ จนเห็นธรรมชาตินั้นๆ ตามความเป็นจริง

การดูแลพระอาพาธที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามลำพังอยู่ซ้ำๆ นี้ หากเราทำด้วยสติ ปัญญา น้อมเข้าหาธรรม จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ ถึงแม้จะเบื่อ “ความเบื่อ” นั้นเอง ก็เป็นธรรมให้เราน้อมมาพิจารณาศึกษาได้

จึงเป็นบุญของเราได้เข้ามาทำงานจำเจ ที่ทรงคุณค่าทั้งต่อการพัฒนาตนและยังประโยชน์ต่อหมู่สงฆ์ไปพร้อมกัน