เราเชื่อว่ามีพระไม่น้อยที่สนใจอยากมาช่วยดูแลพระอาพาธที่สันติภาวันด้วยเหตุผลต่างๆ กัน เท่าที่เคยพูดคุยด้วย บางท่านบอกเพราะเป็นงานที่ท้าทายอยากลองทำดูว่าทำได้ไหม บ้างก็ว่าเห็นคุณค่าของงาน บางรูปว่าจะใช้เป็นช่วงเวลาสำหรับเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทในชีวิต และไม่น้อยที่บอกว่าอยากมาทำบุญสร้างบารมี

แต่ความสนใจเหล่านั้นครั้นจะให้ตัดสินใจมาจริงๆ ปรากฏว่าทำได้ไม่ง่ายเลย ทั้งภาระที่วัดเดิม กิจส่วนตัวของแต่ละรูป และเมื่อนึกถึงว่าต้องมาร่วมฉันร่วมทำงานยากในที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ซึ่งอาจมีการปฏิบัติ/ข้อวัตรที่ต่างจากวัดเดิมก็อาจทำให้หลายท่านลังเลใจไม่กล้ามา

หลวงพี่อำนวย เป็นผู้ที่ทำให้ความหวังเรื่องพระจิตอาสาของสันติภาวันเป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ ท่านมาอยู่ช่วยเราดูแลพระอาพาธได้เดือนกว่าแล้ว ถึงตอนนี้ดูท่านใช้ชีวิตผ่อนคลายลงตัวมาก ท่านช่วยงานในส่วนที่ถนัด และมีเวลาส่วนหนึ่งสำหรับฟังธรรมปฏิบัติธรรมในแบบของท่าน

หลวงพี่นวยติดต่อเรามาล่วงหน้าไม่ถึงอาทิตย์ แล้วก็โทรมาอีกครั้งว่ากำลังจะออกเดินทางจากนครสวรรค์ตรงมาที่สันติภาวันเลย ท่านเล่าว่าปกติท่านจะไม่ใช้สื่อออนไลน์ พอดีพระอาจารย์ที่อยู่ด้วยกันท่านพูดเรื่องสันติภาวันให้ฟัง พร้อมทั้งเปิดภาพกิจกรรมต่างๆ ให้ดู

ท่านว่าตอนนั้นรู้สึกทึ่งมากว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ อยากมีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศ ได้ร่วมดูแลพระอาพาธบ้าง จึงตัดสินใจโทรมาสอบถามเรา แล้วเคลียร์ภารกิจ เตรียมออกเดินทางมาเรียนรู้อยู่กับเราทันที

แน่นอนว่าคงต้องมีเหตุปัจจัยอื่นๆ อีกไม่น้อยที่หนุนให้ท่านตัดสินใจเดินทางได้อย่างรวดเร็ว เท่าที่ท่านเล่าก็เช่น ท่านบวชได้ ๖ พรรษาพ้นนวกภูมิแล้ว (พระที่บวชได้ ๕ พรรษาแรก เรียกว่าพระนวกะ ซึ่งควรอยู่ศึกษากับอุปัชฌาย์อาจารย์) และกิจดูแลหลวงปู่ที่ท่านทำอยู่เป็นหลักก็มีผู้มาทำแทนพอดีจึงปลีกตัวออกมาได้ เป็นต้น

การอยู่มาด้วยกันในที่ใหม่ย่อมต้องมีการปรับตัวบ้างเป็นธรรมดา แต่หากเรามีเป้าหมายหลักร่วมกันและพร้อมที่จะยอมรับความแตกต่าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะร่วมงานไปด้วยกัน เช่นเรื่องที่พักซึ่งเราไม่มีกุฏิเดี่ยวหรือห้องส่วนตัว พระจะจำวัดรวมกันในห้องโถงชั้นบนที่กั้นแบ่งพื้นที่ง่ายๆ ด้วยจีวรเก่าผืนบางเท่านั้น ท่านบอกห่วงพวกเราเพราะว่าท่านนอนกรนเกรงจะรบกวน แต่เมื่อทุกคนยอมรับได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

หรือเมื่อท่านไม่สะดวกที่จะเดินบิณฑบาตกับเรา เพราะส้นเท้ามีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว เราก็ให้ท่านอยู่ช่วยดูแลพระที่ศูนย์ฯ ช่วยลดความกังวลของเราที่ต้องปล่อยพระอาพาธอยู่ตามลำพังในช่วงบิณฑบาตกว่า ๒ ชั่วโมงลงด้วย

การที่หลวงพี่นวยได้มาอยู่กับเราได้ทำให้เรามองภาพของพระจิตอาสาที่จะมาอยู่ดูแลพระอาพาธไปกับเราได้ชัดขึ้น ทำให้มั่นใจขึ้นว่าสันติภาวันพร้อมที่จะรองรับพระที่อยากมาเรียนรู้เรื่องนี้ได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นหลายจุดที่เราจะต้องพัฒนาต่อไปอีกด้วย

เราได้ข้อสรุปว่า “ขอแค่พระท่านมาด้วยใจที่อยากช่วยดูแลพระอาพาธจริงๆ” ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราอยู่เรียนรู้ไปด้วยกันอย่างมีความสุข ข้อติดขัดต่างๆ ที่มีจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ปรับแก้กันไปได้ไม่ยาก

หลวงพี่นวยยังทำให้เรามั่นใจที่จะเอ่ยปากชักชวนพระคุณเจ้าด้วยว่า หากท่านอยากเรียนรู้ปฏิบัติธรรมผ่านการดูแลพระอาพาธ สันติภาวันพร้อมต้อนรับทุกรูปด้วยความยินดียิ่ง