เป็นกุศลจิตของญาติโยมอย่างยิ่งที่ประสงค์จะนำพระอาพาธซึ่งอาจเป็นญาติ หรือเป็นพระที่ตนศรัทธาเคยอุปัฏฐากท่านมาไปดูแลที่บ้าน แต่การดูแลพระอาพาธอยู่ที่บ้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก มีโอกาสที่จะทำให้ท่านต้องอาบัติใหญ่น้อยมากมาย เมื่อนานไปจึงมักลงท้ายด้วยการจำใจสึก

โดยหลักการแล้ว พระคือผู้ประสงค์จะออกจากเรือนไปใช้ชีวิตพรหมจรรย์อยู่กับหมู่ภิกษุสงฆ์ที่วัด หากจำเป็นอาจเดินทางไปเยี่ยม ไปพัก นำธรรมะไปให้คนในครอบครัวชั่วครั้งชั่วคราวก็ได้ แต่การกลับไปอยู่ประจำ แม้เพื่อให้โยมดูแลขณะเจ็บป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร

พระพุทธองค์ได้ทรงวางแนวทางให้หมู่สงฆ์ดูแลภิกษุอาพาธไว้แล้วอย่างชัดเจนรัดกุม ชนิดที่ไม่ควรมีพระอาพาธรูปใดเลยที่ถูกปล่อยทิ้งให้นอนรอความตายอยู่ผู้เดียว เป็นหน้าที่โดยตรงของหมู่สงฆ์ที่จะต้องดูแลพระอาพาธในวัดของตน หรือแม้กระทั่งพระในต่างวัดที่ร่วมอุปัชฌาย์อาจารย์เดียวกัน

ทางวัดจึงไม่ควรปฏิเสธกับทางโรงพยาบาลว่า ไม่พร้อมที่จะรับพระในวัดของตนที่อาพาธกลับไปดูแล หรือแจ้งให้ญาตินำพระอาพาธกลับไปดูแลต่อเองที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม การดูแลพระอาพาธด้วยโรคเรื้อรังหรือที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็เป็นภาระที่หนักมากสำหรับวัดขนาดเล็ก หากญาติโยมจะได้เข้ามาช่วยเหลือทางวัดในเรื่องนี้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี ก็น่าจะช่วยให้พระ/วัดทำหน้าที่ของตนตามพระวินัยได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่าการสร้างอาคารสถานที่มากนัก