เพราะยาเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินชีวิต นอกจากการใส่บาตรถวายภัตตาหารพระเณรแล้ว การถวายยาให้พระไว้ใช้ยามจำเป็น ถือเป็นสิ่งที่เราชาวพุทธทำกันอย่างสม่ำเสมอ
แต่ดูเหมือนว่าความเร่งรีบในยุคนี้ ทำให้ญาติโยมไม่มีเวลาเลือกสรรยาถวายพระเท่าที่ควร คำตอบจึงมักลงเอยด้วยการซื้อยาสามัญประจำบ้าน หรือชุดสังฆทานยาที่มีหลากหลายราคาให้เลือก โดยลืมนึกไปว่ายาเหล่านั้นพระท่านได้ใช้แค่ไหน ตรงกับความต้องการหรือไม่ แถมผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในกล่องนั้นมียาอะไรอยู่บ้าง
ในภาพรวมยาในกล่องสังฆทานไม่ต่างจากสินค้าในสังฆทานถังเหลืองมากนัก ยาหลายชนิดมีโอกาสใช้น้อยมาก เช่น ยาแดง ยาเหลือง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ถ้าเป็นวัดในเมืองก็มักได้รับยาชุดตำราหลวงมากจนใช้ไม่ทัน ในขณะที่ยาหอม ยาหม่อง พลาสเตอร์ปิดแผลที่ใช้ประจำกลับไม่มี
ทุกวันนี้ยารักษาโรคถูกพัฒนาไปมาก แต่ยาตำราหลวงยังคงเป็นพระเอกเมื่อนึกจะถวายยาพระ เมื่อบวกเข้ากับความยากลำบากในการไปโรงพยาบาลของพระ ทางออกสุดท้ายเมื่อเจ็บป่วยคือพระต้องไปที่ร้านหาซื้อยาที่ต้องการมาฉันเอง
การจะหายาในกล่องเล็กๆ กล่องเดียวที่เหมาะกับพระเณรทุกรูป ทุกโรค ทุกพื้นที่ คงเป็นไปไม่ได้ อาจถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธจำเป็นต้องช่วยกันคิดระบบการจัดการหรือหาวิธีการใหม่ๆ ในการถวายยาแก่พระเณร ให้ท่านได้รับยาที่ดี ตรงกับโรคที่เป็น จำนวนที่เหมาะสม และได้คำแนะนำวิธีใช้ยาอย่างถูกต้องกันอย่างจริงจัง
ระบบใหม่ที่คิดขึ้นนี้ควรช่วยให้พระเณรได้รับยาเมื่อจำเป็นทันเวลา ให้ท่านบรรเทาจากอาพาธได้เร็ว ได้รับอันตรายจากการใช้ยาน้อย โดยไม่ต้องรอให้มีปัจจัยก่อนจึงจะได้มา หากทำได้ญาติโยมเองก็จะได้รับอานิสงส์เต็มที่เพราะยาที่ถวายนี้ช่วยให้ท่านหายจากโรคได้จริง มิใช่เพียงแค่ได้ถวายยา แต่ไม่ช้าก็ถูกนำไปทิ้งข้างกำแพง เรื่องแบบนี้ถ้าเราชาวพุทธไม่ช่วยกันทำขึ้น จะรอให้รัฐ หรือพ่อค้ายามาคิดให้ ปัจจัยที่ ๔ ในการดำรงชีพของพระคงขาดแคลนไปอีกนาน