ชาวพุทธทราบดีว่าเมื่อจะถวายอาหารให้พระ ไม่ควรถามว่าท่านอยากฉันอะไร ชอบแบบไหน? เพราะจะเป็นบาปหรือทำให้พระอาบัติ
ความจริงหากโยมถามด้วยความปรารถนาดีก็ไม่ได้้บาป แต่ถ้าพระเผลอสติตอบคำถามนี้กับโยมที่มิใช่ญาติหรือไม่ใช่ผู้ที่เคยปวารณาตัวไว้ว่าให้ขออาหารได้ ท่านปรับอาบัติไว้ เพราะเข้าข่ายขออาหารอันประณีตมาเพื่อจะฉัน เพราะทำให้ดูเหมือนว่าพระเรื่องมาก/เลือกมาก/ยุ่งยากในการกินอยู่ จะทำให้คนขาดศรัทธา เขาถวายอะไรมาควรพิจารณาฉันไปตามที่ได้รับ
แต่สำหรับพระอาพาธท่านอนุญาตให้ขออาหารที่เหมาะกับอาการเจ็บป่วยของตนจากโยมได้ ส่วนพระที่ไม่อาพาธถ้าบอกหรือเอ่ยปากขออาหารเพื่อนำไปให้พระอาพาธฉันก็ไม่เป็นอาบัติเช่นกัน
สำหรับญาติโยมหากต้องการช่วยดูแลพระอาพาธ สามารถสอบถามพระได้โดยตรงว่าท่านมีโรคประจำตัวเรื้อรังอะไรหรือไม่ มีอาการรุนแรงแค่ไหน หากคิดว่าท่านจำเป็นต้องฉันอาหารที่เตรียมขึ้นพิเศษ เช่น ไม่หวาน เกลือโซเดียมต่ำ กรดยูริกต่ำ ก็เตรียมใส่บาตรหรือทำถวายท่านได้เลย อาจบอกให้ท่านทราบด้วยก็ดีว่า อาหารนี้เตรียมขึ้นพิเศษที่เหมาะกับสุขภาพท่าน
ส่วนโยมที่ใส่บาตรประจำอาจปวารณากับพระอาพาธได้ว่า… “หากท่านต้องการอาหารที่เกื้อกูลให้อาการอาพาธของท่านดีขึ้นโยมขอปวารณานะเจ้าคะ ท่านบอกได้เลย” ซึ่งอาจทดลองปวารณาช่วงสั้นๆ ก่อน เช่น ๑ สัปดาห์ ๑ เดือน เมื่อมั่นใจว่าทำได้ไม่เดือดร้อน และมีประโยชน์ต่อท่าน ค่อยปวารณาต่อเนื่อง
แต่หากปวารณาไปแล้วเกิดข้อติดขัดไม่สะดวกที่จะทำถวายต่อไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็สามารถกล่าวถอนปวารณาได้ เช่น “ที่โยมเคยปวารณาเรื่องอาหารของท่านไว้ ตอนนี้โยมไม่สะดวกแล้ว ขอถอนการปวารณาก่อนนะครับ” ซึ่งมิได้เป็นบาปหรือมีข้อเสียหายใดๆ